15 ข้อคิด ที่ฉันได้จากการเดินทางเองกว่า 50 กว่าประเทศรอบโลก
เที่ยวมาเยอะพอสมควร อาหมวยท่องโลกเลยอยากมาแชร์ว่าการท่องเที่ยวได้ให้อะไรกับเรา และอยากแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ที่พบเจอ ว่าการเดินทางมันเปลื่ยนเราได้อย่างไร
ทำไมถึงเริ่มออกเที่ยวเอง
จุดเปลื่ยนที่ทำให้เริ่มออกเที่ยวเองคนเดียว มันเริ่มมาจากความกลัว ความเบื่อที่จะรอ และความผิดหวัง. เมื่อก่อนกลัวที่จะต้องไปคนเดียว ขอมีเพื่อนหรือใครสักคนไปด้วยกัน รู้สึกอุ่นใจ ในระหว่างที่รอ มันเต็มไปด้วยความหวัง ความดีใจ ความตื่นเต้น อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจัง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารอ แล้วต้องล้มเลิก เพียงเพราะ พวกเขาไม่ไป คงเข้าใจกันดีว่า ความรู้สึกมันเป็นเช่นไร เคยรอทริปไปปรากกับเพื่อนเกาหลี เริ่มวางแผน เริ่มหาข้อมูล เริ่มหาตั๋ว รอจองพร้อมกับเพื่อน แต่เพื่อนเกาหลีคนนี้ดันบอกว่า ไปไม่ได้แล้ว ต้องบินกลับเกาหลี อยู่รัสเซียต่อไม่ได้ ตอนนั้นไม่มีคำพูดอะไรที่ออกมาเลย รู้แต่ว่ากลับหอพักมาน้ำตาไหล ทำไมตอนนั้นถึงเซ็นซิทีฟอย่างนั้นก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะว่าเราหวังไว้มาก อยากออกเที่ยวมาก ท้ายที่สุด แพลนไปปรากได้ล้มเลิกไป ตอนนั้นเลยคือ จุดเปลื่ยน บอกตัวเองว่า ต้องไปคนเดียวให้ได้ จะเลิกกลัวให้ได้
แล้วฉันได้อะไรจากการเดินทาง
1. ความกล้าเท่านั้นที่ทำให้ค้นพบทุกสิ่ง
จากที่เคยกลัว ไม่มีความมั่นใจ ขี้กังวล จนล้มเลิกทริปไปหลายครั้ง พอได้ลองเที่ยวคนเดียว ในทุกๆทริป เรามีความกล้ามากขึ้น กล้าหลงทาง หลงก็หลงสิ ถามทางเขาไปทั่ว กล้าลุยไปตามสถานที่ต่างๆ ออกไปเผชิญโลกกว้าง กล้าลองทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำ
ตุรกี – Paragliding with handsome guide 🙂



ตอนไปตุรกี. เราไปลองเล่น Paragliding ตอนก่อนจะไป ถามย้ำกับเจ้าของบ ฉันจะเป็นไรไหม อันตรายหรือเปล่า กลัวๆๆๆ เจ้าของคงเหนื่อยใจกับนังหมวยนี่พอสมควร นาทีที่จะวิ่งออกจากหน้าผา ความรู้สึกเหมือนจะโดดลงไปตาย แต่พอนาทีที่ได้ลอยอยู่เหนือขึ้นฟ้า สวรรค์เลยแหละ อยากบอกคนบังคับว่า อยู่ต่อได้ไหม.
จริงๆแล้วมันไม่ได้น่ากลัวเลย
ความกล้าทำให้เราค้นพบว่า ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าความอ่อนแอในใจของตัวเอง
สวีเดน-ช่วยเปิดไฟให้ฉันหน่อย มืดเหลือเกิน


บินไปถึง 4 ทุ่มกว่า กว่าจะหาทางไปโฮสเทลเจอ ก็ประมาณเที่ยงคืนนิดๆ อยู่ตัวคนเดียว ท่ามกลางถนนมืดๆ ไฟก็ไม่มี ในใจตอนนั้น กรูจะเจอโจรไหมว้า. จะมีหมาวิ่งมากัดกรูป่าวว่ะ พยายามบอกตัวเองว่า อย่ากลัว เดินหาทางตามแผนที่ต่อไป จนเจอ นาทีที่เจอโฮสเทล แทบจะกระโดดลอยฟ้า แต่ติดที่นำ้หนักเลยลอยไม่ได้
ใช้ความกล้าสู้กับความกลัวให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ถ้าเราไม่ลอง เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะชนะมันหรือเปล่า
2. ความกลัวอาจทำให้เราเสียโอกาสไป
ทะเลไบคาล/รัสเซีย – ดำหมาเพื่อนรัก


ตอนนั้นออกทริปเดินทางเกือบ 8 เดือน อากาศติดลบ 28 องศา อาหมวยท่องโลกอยากออกไปเดินเล่นที่ทะเลสาบ อากาศอ่ะ สู้ไหว แต่พอเห็นสุนัขอยู่หน้าประตูโรงแรม ถอยกลับ ไม่ออกไป เจ้าของถามว่า ทำไมไม่ออกไปเที่ยว. ตอบไปว่า ก็ฉันกลัวหมา. เขาหัวเราะบอกว่า ไม่ต้องกลัว มันไม่กัด. เราก็ไปยืนด้อมๆมองๆๆ มันยังอยู่แถมมองมา เฮ้อ ในใจ. เมิงจะมามาทำไมตอนนี้!!!!! สุดท้ายด้วยความที่อยากถ่ายรูปทะเลสาบ เดินออกไป มันเดินตาม น้ำตาแทบไหล. เดินกลับมา หยิบไส้กรอก เดินออกมา โยนให้มันกิน. ด้วยความหวังว่ามันจะมัวแต่กินไส้กรอก คงไม่เดินตามมา เดินต่อไปด้วยความโล่งใจ แต่มันยังตามมาที่ทะเลสาบ โอ้ย หนีไม่พ้นจริงๆ
สุดท้าย ไอ้หมาตัวนี้แหละ กลายเป็นเพื่อนเราไปเที่ยวทะเลสาบตลอดทั้ง 3 วันเลย
เชื่อเลยว่า ถ้าตอนนั้นเราเอาแต่กลัว เราคงไม่ได้ออกไปถ่ายรูปทะเลสาบที่สวยงามอย่างนี้
และเพราะการเที่ยวทำให้เราเลิกกลัวหมา ตอนนี้สามารถเดินผ่านได้สบาย เมื่อก่อนแค่พุดเดิ้ล เรายังหลบเลย
บราซิล-เราเกือบไม่ได้เจอกัน

ประเทศนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอาชญากรรมเยอะที่สุด อ่านรีวิวของฝรั่ง เจอปล้นบ้าง เจอทำร้ายร่างกาย ฆ่าก็มี. เกือบจะทิ้งตั๋ว เพราะความกลัว แต่ก็ตัดสินใจเดินทางไป. ถ้าทิ้ง เราก็คงพลาดโอกาสที่จะเห็นโลกใบนี้ไป
3. ไม่มีการเดินทางครั้งไหน ที่ไม่ต้องใช้ความอดทน
ในแต่ละทริปเจอความยากง่ายไม่เหมือนกัน. อุปสรรคแต่ละครั้งหนักเบาต่างกันออกไป แต่ความอดทนทำให้ทริปมันออกมาสวยงามเกือบทุกครั้งเสมอ
นอร์เวย์- แสงเหนือครั้งแรกในชีวิต


ไปชมแสงเหนือที่นอร์เวย์ ไปคนเดียวอีกแล้ว แต่ไปจอยกลุ่มล่าแสงเหนือ ตอนออกล่าแสงเหนือ มือแทบจะขาด หนาวจับใจ กว่าจะตามหาแสงเหนือกันเจอ. ปาไปตี 2 นิดๆ กลับโรงแรมมา ตี 4
ระหว่างรอ ในใจพูดแต่คำเดียวว่า อดทน อดทน อดทน และความอดทนนี้แหละทำให้เราได้เห็นแสงเหนือ คุ้มจริงๆที่อดทนรอ
นามิเบีย – Deadvlei หนึ่งเดียวในโลก


เดินท่ามกลางทะเลทรายที่พร้อมจะแผดเผาเรา 20กิโลกว่า ยิ่งเดินเหมือนยิ่งไกลออกไป แต่เราผ่านมันมาได้เพราะความอดทน สุดท้ายได้มาเหยียบ Deadvlei – พี้นดินกระทะสีขาวที่แห้งแล้วที่สุดในโลก ต้นไม้ที่คุณเห็นมีอายุมากกว่า 900 ปี ไกด์บอกว่าที่แห่งนี้มีที่เดียวในโลก
4. มิตรภาพจากคนแปลกหน้า ไม่ยากเลยที่จะเจอในต่างถิ่น
รัสเซีย – ยิ่งรู้จักยิ่งหลงรัก


คนรัสเซียเป็นคนยิ้มยาก หน้าบึ้ง ไม่ค่อยยิ้มแย้ม ตอนแรกก็เข้าใจว่า เขาคงจะไม่ชอบคุยกับคนเอเชียแบบเราซะเท่าไหร่ ไปซื้อของ ก็โดนแม่ค้าตะโกนใส่ 555+ ตอนนั้นโครตเกลียดคนประเทศนี้ แต่พอได้เริ่มเที่ยวจริงจัง คนรัสเซียน่ารักมาก ช่วยเหลือเรา ทั้งอาสาพาเที่ยวทั้งวัน แบ่งขนม เข้ามาเตือนว่าเชือกรองเท้าหลุด ให้ผูกด้วย เดี๋ยวเธอจะเดินสะดุด ตอนไปไซบีเรียก็เช่นกัน มีคนรัสเซียมาชวนคุย บอกว่าอยากรู้จัก และอยากรู้ว่าเธอไม่กลัวหรอ มาเที่ยวคนเดียว จริงแล้วพวกเขาน่ารักมากเลยนะ ระหว่างตระเวนเที่ยวในเมืองมอสโคว์ ตอนนั้นเรานั่งเล่นในสวนสาธารณาอยู่ มีคุณป้ามาชวนคุย คุยไปคุยมา คุณป้าเขาเลยปรึกษาปัญหาชีวิต เรื่องแม่ผัว ลูกชายและลูกสะใภ้กับเรา นึกถึงที่ไร ตลกตัวเองเหมือนกัน ประเทศนี้ยิ่งรู้จักยิ่งหลงรัก จริงๆแล้วก็ทำให้ได้คิดว่า
อาร์เจนติน่า – ไปคนเดียวไม่เคยเหงา



ไปคนเดียว แต่ได้เพื่อนไปเดินเทรคกิ้งด้วยกัน. สนุกมาก มีน้ำใจจากคนอื่นอีกเยอะที่ฉันได้รับ
จอร์เจีย – ดาราสาวจอร์เจียพาเที่ยว


ไปคนเดียวอีกเช่นเคย แต่โชคชะตาดันพาไปรู้จักกับดาราสาวจอร์เจียโดยบังเอิญ เขาดังมากที่นั่น เขากับเพื่อนอาสาพาเราเที่ยวเมือง Tatev ขอยกตัวอย่างบทสนทนาที่เราคุยกัน
ดาราสาว: ทำไมเธอถึงมาที่อาร์เมเนีย อาร์เมเนียเป็นประเทศเล็กๆ คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักที่นี่ด้วยซ้ำ อาร์เมเนียอยู่ส่วนไหนของโลกก็ยังไม่รู้เลย
อาหมวยท่องโลก: ฉันหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ข้อมูลน้อยมาก แต่มีหลายคนเขียนว่าประเทศนี้น่าสนใจ ฉันเลยเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง
ดาราสาว: แล้วเธอชอบที่นี่ไหม
อาหมวยท่องโลก: ชอบสิ ฉันตั้งใจไว้ว่าฉันจะเขียนรีวิวเกี่ยวกับประเทศของเธอ คนไทยจะได้รู้จักอาร์เมเนียมากขึ้น
ดาราสาว: ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ
สามารถพูดได้ว่าเราได้รับน้ำใจจากผู้คนท้องถิ่นและคนต่างชาติตลอดทุกประเทศเลย
5. ในความโชคร้าย มันมีความโชคดีเล็กๆ ตามด้วยเสมอ
ไครเมีย (ประเทศยูเครน) (แต่ตอนนี้เป็นของรัสเซีย) -ซวยกว่านี้มีอีกไหม


อะไรมันจะซวยขนาดนั้น บินไปถึง ไฟดับทั้งเมือง สัญญาณโทรศัพท์และเนตเล่นไม่ได้ ติดต่อใครไม่ได้เลยอยู่หลายวัน เงินเหลืออยู่ 50 บาท เอทีเอ็มกดไม่ได้ เพราะอเมริกาแบนระบบบัตรเครดิตในไครเมีย ไม่มีเงินกินข้าว. ซวยยิ่งกว่าซวย แต่ในความโชคร้ายนั้นเรายังเจอความโชคดี เจ้าของโฮสเทลทำซุปกับขนมปังให้เรากิน และยังออกเงินค่ารถให้เรานั่งกลับไปชายแดนรัสเซียเพื่อกดเงิน
และแถมขากลับ เราโดนย้ายที่นั่งบนเครื่องบินจากที่นั่งEconomy ไป business (โชคดีเด้งที่ 2)
ชีวิตมันไม่ได้มีแต่ความโชคร้าย ความหวังคือสิ่งที่ทำให้เราอดทนรอได้ความโชคดีนั้นได้
6. สติคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
อาร์เมเนีย – โบกรถเที่ยวครั้งแรก


ตอนนั้นอยากลอง Hitchhiking (การโบกรถเที่ยว) ถามคนในโฮสเทล ผู้ชายสเปนกับจีน บอกว่า ลองเลย ปลอดภัย เขาทำกันทั้งนั้น แล้วพอดีว่าไปเที่ยวทะเลสาบ Sevan แล้วอยากไป Dilijan ไม่มีรถไปรอบเช้า มีแต่รอบ 1 ทุ่ม. เราเลยลองโบกรถ นาทีที่โบกรถ โอ้ย ตื่นเต้นมาก โบกคันแรก เขาไปไม่ถึง เลยโบกคันที่ 2 ฝนตก เลยรีบขึ้นไป คนขับมันให้เรานั่งข้างมัน ลืมเอะใจ เข้าไปปั๊ป สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล มันถามเราเป็นภาษาอาร์เมเนีย. เราตอบเป็นรัสเซีย ว่าไม่รู้เรื่อง มันทำท่ากระทุ้งเข้าไปที่อวัยวะให้ดู สื่อประมาณว่า อยากมีเซ็กกับมันไหม ไอ้เราแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ถามไปว่าอะไรนะ. อะไรนะ ตอนนั้นเริ่มสังเกตได้ว่ามันไม่ล้อครถ มือด้านซ้ายหยิบสเปย์พริกไทยที่พกมา คราวนี้มันยื่นมือข้างหนึ่งมาจับขาเรา เราเบี่ยง คราวนี้มันจะจับบ่าเรา เราเปิดประตูแล้ววิ่งลงไปเลย เรามายืนข้างถนน หลังรถมัน เตรียมตั้งท่าสู้ ในมือเตรียมสเปรย์พริกไทยไว้แล้ว แต่สุดท้ายมันขับต่อไป โชคดีที่ยังมีสติในการเอาตัวรอด และพระยังคุ้มครองอาหมวยท่องโลกคนนี้อยู่
แล้วเราก็โบกรถคันที่ 3 ต่อ แต่เลือกคันที่เป็นครอบครัว. ส่งถึงที่ แถมลูกชายเขายังอาสาอยู่รอรับไปส่งที่ Yerevan แต่เราปฎิเสธด้วยความเกรงใจ ระหว่างเดินทางอยู่ในเมือง ถามทางเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง (อายุ 18 ปี) เขาอาสาพาเราเที่ยว แต่ขอให้เราพูดภาษาอังกฤษกับเขา เพราะเขาอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ
จากเหตุการณ์ตรงนี้ทำให้เรามีสติและรอบคอบมากกว่าเดิม
ปล. แม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่หลังจากกระทู้นี้ออกไป อาจจะโดนด่าได้
อิตาลีและนครรัฐวาติกัน


โจรเยอะ เจอยิปซีด้วย แต่รอดมาได้ด้วยสติ และสติ
7. ชีวิตเรียบง่ายมากขึ้นเมื่อฉันได้ออกเดินทาง
นี่คือเรื่องจริง ยิ่งฉันเที่ยว ก็ยิ่งติดดิน อะไรก็ได้ ไม่ต้องมากเรื่อง ชีวิตเรียบง่ายมากขึ้นเมื่อเราเริ่มออกเดินทาง
มองโกเลีย – ชีวิต Nomad เรียบง่ายแต่สุขใจ


ขี้กลางดิน กินกลางทราย. ชีวิตเรียบง่ายแบบ Nomad น้ำไม่ได้อาบ ผมไม่ได้สระ หาที่ขับถ่ายตามภูเขา ตามพื้นดิน ไปอยู่กับชนเผ่า Nomad. เกือบ 10 วัน ชอบมาก ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่มีความสบายเลย แต่ทำไมมีความสุขก็ไม่รู้
ถ้าเป็นเมื่อก่อน พูดเลยว่า อยู่ไม่ได้ 555+
พอย้อนมองดูตัวเรา รู้สึกหลงรักในวิถีชีวิตของเราที่เรียบง่ายแบบนี้
8. อย่าผลักความฝันไปสู่ทางที่สิ้นหวัง
โบลิเวีย – อย่าผลักไสความฝันของเราออกไป


ตอนแรกที่เห็นภาพทะเลสาบเกลือ เราคิดว่า เราคงไม่ได้ไป มันดูห่างไกล ดูยุ่งยาก ดูน่ากลัว ในใจเหมือนมี 2 เสียง
เสียงหนึ่งบอกว่า แกจะไปทำไม แพงก็แพง อันตราย เพื่อนก็ไม่มี ตอนหลังแกไปพร้อมกับคนอื่นก็ได้
อีกเสียงบอกว่า รอคนอื่น ชาตินี้แกจะได้ไปไหม มันคือความฝันแกไม่ใช่หรอที่จะไปเหยียบที่แห่งนี้
แน่นอนว่า เราเชื่อเสียงที่ 2 จึงได้เริ่มเก็บเงินจากการทำงานพิเศษ ตัดสินใจซื้อตั๋วไปโดยที่ยังไม่ได้วางแพลนการเดินทาง ตอนนั้นเราได้เรียนรู้ว่า อย่าผลักความฝันของเราออกไป เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจไม่ได้ทำตามที่คุณฝัน มีโอกาส มีเวลา ต้องลุย อย่าลังเล
เชค – ความฝันที่ค้างคา

อกหักจากเพื่อนเกาหลีที่วางแพลนจะไปด้วยกัน ถึงเราไม่ได้ไปด้วยกัน แต่ฉันก็สานความฝันของฉันต่อนะ ความฝันที่ค้างคาถูกสานต่อได้ในที่สุด
9. ปัญหาและอุปสรรคคือสิ่งที่เราพบเจอได้ตลอด เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะเจอมัน
ตลอดเกือบทุกทริป มีปัญหาเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง อุปสรรคเล็กๆน้อยมีมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น เราไม่รู้ภาษาบ้าง เจอคนไม่ดี สถานที่เที่ยวปิดเพราะตรงวันหยุด ตกรถ ตกเครื่องบิน ภูเขาไฟระเบิด รถบัสเลยไม่วิ่ง (สารพัดปัญหาเลยก็ว่าได้) แต่รู้ไหมคะว่า เพราะว่าเราเจอปัญหาสารพัดนี่แหละ มันทำให้เราเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี แถมยังมีภูมิต้านทานต่อปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว
ตอนแรกอาหมวยท่องโลกมีแต่คำบ่น ทำไมว่ะ ทำไมต้องแบบนี้ แต่เมื่อเราเจอปัญหาเล็กๆน้อยในระหว่างทริปไปเรื่อยๆ เราเริ่มเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน เลิกบ่น และหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ดีที่สุด ปัญหาไหนมันแก้ไม่ได้ เราเลือกที่จะปล่อยวาง
สวิสเซอร์แลนด์ – ในวันที่เสียตั๋วแพงมากขึ้นภูเขาไป แต่ไม่เห็นอะไรเลย
แหม อุตสาห์หอบสังขารขึ้นไปบน Jungfraujoch จุดสูงสุงของยุโรป หวังจะได้ภาพฟ้าใส พระอาทิตย์ส่องแสงเป็นประกาย เหมือนในเอ็มวีเพลงต่างๆ
ไม่จ้ะ ดูภาพที่ได้

อึมครึมกว่านี้มีอีกไหม เสียดายนะ แต่ไม่เสียใจ เพราะเราคิดว่าตราบไหนที่ไฟในการเดินทางเรายังไม่มอดไหม้ไป เราก็มีโอกาสที่จะได้กลับมาที่นี่อีก


นอกจากนี้เรายังเคยตกเครื่องบินจากฟิลิปปินส์มาไทยด้วยค่ะ วันนั้นไปชมภูเขาไฟ ขากลับมาสนามบิน รถติดมากถึงมากที่สุด ติดแบบไม่ได้พุดไม่ได้เกิด มาถึงสนามบิน ที่เชคอินเขาไม่ให้เชคอินแล้ว ทำใจร่มๆ แล้วไปซื้อตั๋วใหม่ค่ะ นอนรอที่สนามบินไปคืนหนึ่ง จากนั้นไม่เคยตกอีกเลย เพราะวันที่จะบินกลับ เราจะเที่ยวแต่ในเมือง หรือจะให้ปล่อยให้เป็นวันชิวๆ ไม่ออกไปนอกเมือง เพื่อเวลาที่สนามบินเสมอ กันการตกเครื่อง คิดในแง่ดี ประสบการณ์การตกเครื่อง นักเดินทางต้องมีบ้างแหละ
10. เที่ยวได้ เพลินได้ แต่เราต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ
อันนี้ขาดไม่ได้เลย สำหรับการเที่ยวคนเดียว. ไม่ว่าคุณจะดื่มด่ำกับความสวยงามของประเทศนั้นๆขนาดไหน คุณต้องระมัดระวังตัวไว้เสมอ ในช่วงวินาทีเดียว เหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ พูดได้เลยว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัยหรืออันตรายร้อยเปอร์เซ็นต์ ระมัดระวังตัวไว้ดีที่สุด แต่ก็อย่าระแวงเกินไป
ฮังการี – นาฬิกาหายหรอจ้ะ?


ตอนเดินเที่ยวอยู่ในเมือง 2 ข้างทางสวยมาก เพลินสิ แต่เราก็คอยมองผู้คนรอบๆเป็นระยะ. พอเราเลี้ยวเข้าหัวมุมจะไปโรงแรม มีผู้ชายคนหนึ่งโผ่ลมา จับแขนเรา ด้วยความตกใจ เราร้องกรี้ดเสียงดังมาก เขาหยุดกึก แล้วถามเราว่า ตอนนี้กี่โมง เราตอบไม่รู้ แล้ววิ่งไป เราว่าเขาคือมิจฉาชีพ แต่อาจจะด้วยเสียงกรี้ดเรา เขาตกใจ เขาเลยแกล้งถามเวลา
ชวร์ยิ่งกว่าชวร์ เพราะที่ข้อมือเขาก็มีนาฬิกา และจะถามเวลาทำไมฟะ
11. ประสบการณ์ไม่ดี เป็นแนวทางให้เราได้
ลาว -10 บาทก็ยังจะโกงกัน

โดนโกงค่ะ แค่ 10 บาทก็ยังจะโกงกัน. แต่การโกงของที่นี่ทำให้เราไม่ถูกโกงอีกเลย. ก็ฉันรู้ทริคการโกงของพวกแกแล้วไง
เยอรมัน – ทำไมทอนเงินหนูไม่ครบ


โดนโกงค่าตั๋ว นับแล้วบอกเจ้าหน้าที่เลยว่าไม่ครบ เจ้าหน้าที่ทำมึน ไม่คืน หรือ เจ้าหน้าที่อาจจะไม่ได้โกงก็ได้อาจเป็นความผิดพลาด เลยคิดว่า บางอย่างเราก็ต้องต้องปล่อยวาง ถือไว้มันก็หนัก
12. ยิ่งหลง ยิ่งแม่น ยิ่งสังเกต
ถ้าคุณเดินทาง คุณจะรู้ว่าการหลงทางเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ยิ่งเราหลง เรายิ่งจำทางแม่น อันนี้ใช้ได้กับตัวเราเอง ทริปแรกๆ เราหลงกระจุยกระจาย ตอนหลังคล่องมากค่ะ เพราะในทริปแรกที่เราหลงบ่อยๆ ทำให้เรารู้จักสังเกต จดจำรายละเอียดรอบตัวมากขึ้น
อังกฤษ -หลงมันไปสิในเมือง

แอบหลงทางในเมืองหลวง แต่วันต่อๆมา ก็คล่องพอตัวเลยค่ะ เพราะเมื่อเราหลง ครั้งๆต่อๆไป เราจะสังเกตจำจำรายละเอียดมากขึ้นในทุกครั้ง
13. เพราะการที่เราวางแพลนเที่ยวเอง ทำให้เรารู้อะไรมากขึ้น และสามารถแนะนำคนอื่นได้ด้วย แม้กระทั่งแนะนำคนท้องถิ่น
สโลวาเนีย – บอกทางคนท้องถิ่น

ระหว่างนั่งรถไฟจาก Bled เข้ามาเมืองหลวง มีโอกาสได้รู้จักกับป้าชาวโรมาเนียคนหนึ่ง นั่งพูดคุยกันมาตลอดทาง คุณป้าแบ่งขนมให้เรากินด้วย เมื่อมาถึงเมืองหลวง เขาสอบถามวิธีการเดินทางไปใจกลางเมือง เพราะเขานานๆที เดินทางเข้าเมือง เราทั้งแนะนำและพาไป เป็นความภูมิใจเล็กๆ”ถ้าไม่วางแพลนเดินทางเอง เราเอาแต่ไปกับทัวร์ เราคงช่วยป้าคนนี้ไม่ได้”
14. เมื่อเราเที่ยวกับคนอื่น เราต้องรู้จักละตัวตนของเราทิ้ง
เพราะการเที่ยวคนเดียว มันทำให้เราตามใจตัวเราได้เต็มที่ ไม่ต้องคอยถามความคิดเห็น คอยตามใคร แต่พอเราเจอเพื่อนใหม่ตามประเทศต่างๆ เราเริ่มไปเที่ยวด้วยกันกับเพื่อนใหม่ที่พึ่งเจอ มันเลยทำให้เรารู้ว่า เราต้องละตัวตนของเราทิ้งบ้าง ต้องตกลงซึ่งกันและกัน คนละครึ่งทาง
ถึงแม้ว่าต่างคนต่างที่มา ต่างคนต่างรสนิยม แต่จะมีเส้นตรงกลางผูกเราและเพื่อนให้ไปด้วยกันได้อย่างมีความสุข เส้นนั้นคือ การละตัวตนของตัวเองทิ้งบ้าง เพื่อเปิดรับตัวตนของคนที่ร่วมทริปกับคุณ
แอฟริกาใต้ – ทริปนี้ไม่เหงาเพราะมีเรา

ทริปนี้ไปกับเพื่อน. สนุกมาก เพราะตัวเราและเพื่อนเองที่เรียนรู้ที่จะรอ ถามความคิดเห็นของกันและกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา
ไต้หวัน – ทำไมถึงพึ่งรู้จักกัน

ไปกับเพื่อนค่ะ มีบ้างที่ไม่พอใจซึ่งกันและกัน
แต่เราทั้งคู่รู้จักที่จะเปิดใจ คุยกัน สุดท้ายทริปมันก็แฮปปี้สวยงามในแบบที่มันควรจะเป็น
สำหรับคนที่เที่ยวเองเป็นประจำ ชอบทำตามใจตัวเอง ไม่ชอบการกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น มันไม่ง่ายเลยที่จะทำตามใจคนอื่นในบ้างครั้ง มันไม่ง่ายที่จะต้องรอ หรือถามความคิดเห็นของอีกฝ่ายว่าเห็นด้วยไหม แต่ต้องของคุณการท่องเที่ยว ทำให้เราได้รู้จักคำว่า การละตัวตนของเราเองเพื่อเปิดรับตัวตนของอีกฝ่าย
15. การเดินทางคือแรงบันดาลใจ
เบื่อกับปัญหา เบื่อกับสังคม เบื่อกับการเรียน เบื่อกับทุกสิ่ง รู้สึกว่า เบื่อๆๆๆ เบื่อมันไปซะหมด ไม่อยากจะทำอะไรเลย แค่ลองออกเดินทางไปที่ไหนสักที แล้วกลับมายืนที่เดิมที่คุณหนีมันไป มุมมองของคุณเปลื่ยนไปมากจริงๆ เพราะถ้าคุณอยู่ตรงที่เดิม ไปออกไปไหน คุณก็จะโฟกัสอยู่แต่สิ่งคุณเบื่อ ปัญหาที่คุณเจอ
กำลังใจ ความสุข ที่ได้จากการเที่ยว มันทำให้เรามีแรงสู้ต่อ เรามีความเชื่ออยู่เสมอ ว่าการเดินทางต่อเติมแรงบันดาลใจให้กับเรา
เอสโตเนีย- ประเทศเล็กๆแสนน่ารัก


ตอนนั้นเบื่อๆๆๆ ชีวิต เบื่อกับการเรียนที่หนักหนาสาหัส ตัดสินใจออกทริป ไปเที่ยว. พอกลับมาแล้ว มีกำลังใจในการเรียนต่อเยอะเลย ตั้งแต่นั้นมา เลยใช้ทริคนี้เสมอ เหนื่อย เบื่อ ท้อ. ออกต่างจังหวัดบ้าง ออกต่างประเทศบ้าง เพื่อให้ตัวเองได้เปลื่ยนสถานที่ เปลื่ยนบรรยากาศ เพื่อกลับมาสู้ปัญหาที่ค้างค้า
ญี่ปุ่น – ซากุระแรกในชีวิต


แค่เปลื่ยนที่ เปลื่ยนบรรยากาศ อารมณ์ก็เปลี่ยนได้. ตอนนั้นมีปัญหาในใจตัวเอง พอได้ตกตะกอนความคิดในจิตใจและได้ออกไปเที่ยวเพื่อเปลื่ยนบรรยากาศ ความอึดอัดในใจของเราหายไปเลย. กลับมาที่เดิม แต่มุมมองเปลื่ยน
ไม่เคยคิดว่าการออกเที่ยวเองจะให้ข้อคิด ให้ความสุขกับเราได้ขนาดนี้ ถ้าถามว่าเราเปลื่ยนไปไหม. เราตอบได้เลยว่า เปลี่ยน เราค้นพบตัวเองว่าเราชอบอิสระมากขนาดไหน เราชอบที่จะถ่ายรูปตะเวนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เข้าใจคำว่าชีวิตมากขึ้นผ่านการท่องเที่ยว ติดดิน ไม่เรื่องมากเหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนโน่นนี่ สกปรก ก็ไม่เอา นอนกลางทราย ถ่ายอุจจาระตามหุบเขาต่างๆ คงทำไม่ได้ การเดินทางทำให้ ความกลัว ความกังวล และเงื่อนไขในตัวเราเองที่มันเยอะมากลดหายไป ที่ละนิด ที่ละนิด จนเรารู้สึกว่า เห้ย เราเปลื่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอ
ความกล้า – คืออีกสิ่งที่การเดินทางมอบให้ ยิ่งเราออกเดินทาง เรายิ่งกล้ามากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น. อีกทั้งเรายังรู้จักระมัดระตัว และรอบคอบ ช่างสังเกตมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ
และที่สำคัญ เราได้รู้ว่าโลกใบมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายที่รอเราให้ออกไปค้นหา ตอนที่เราออกเที่ยว เราประหลาดใจ ประทับใจในประเทศต่างๆ และผู้คนอยู่บ่อยครั้ง
เห้ย มีแบบนี้ด้วย โห ประเทศเขาเจริญมากเลยนะเนี่ย เฮ้ย นี่คือวัฒนธรรมของประเทศเขาหรอ เห้ย. ทำไมคนเขาใจดีกับเราแบบนี้อ่ะ.ความประหลาดใจและความประทับใจมากมายนับไม่ถ้วน ยิ่งเที่ยวยิ่งประทับใจ ยิ่งหลงใหล ยิ่งประหลาดใจกับสิ่งที่เราได้พบเจอ เราค้นพบว่าเมื่อก่อนตัวเราเองอยู่ในกรอบแคบๆ ที่รายล้อมด้วยกำแพงแห่งความกลัวที่เราสร้างขึ้นมา เมื่อออกสู่โลกกว้าง โลกแห่งความคิด โลกแห่งจินตนาการเรากว้างขึ้น มุมมองในชีวิตเรากว้างขึ้น จริงๆแล้ว เราเรียนรู้ชีวิตผ่านการท่องเที่ยว
เราคิดแค่ว่า ชีวิตนี้มีชีวิตเดียว เราขอออกเดินทางค้นพบโลกใหม่ๆ สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ แลกเปลี่ยนจิตใจกับผู้คน เรียนรู้และเติบโตต่อไปในแบบที่เราเป็น ในสิ่งที่เราใช่ ผ่านการท่องเที่ยว
ทุกครั้งที่นึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่เที่ยวมาเรื่อยๆ มันมีความสุขมาก มันมีความหมายต่อเราอย่างบอกไม่ถูก เราไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้เป็นตัวอักษรได้ รู้แต่ว่ามันอิ่มเอมหัวใจยิ่งนัก
อย่ามองว่าการเดินทางมีแต่จะทำให้คุณเสียเงิน เสียเวลา อย่ากลัวว่าคุณจะต้องพบเจอปัญหาในต่างถิ่น อย่ากลัวว่าคุณจะทำมันไม่ได้ เพียงแค่คุณตัดสินใจก้าวออกจาก Comfort zone คุณก็ใกล้เข้าสู่เส้นชัยแล้ว รอเพียงแค่คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่รอคุณอยู่ข้างหน้าที่คุณไม่รู้ว่าคุณจะต้องเจอกับอะไร เพียงแค่นั้น คุณจะพบความหมายของการเดินทาง คุณจะรู้ว่าทำไม ฉันถึงต้องเดินทาง เราเดินทางเพื่ออะไร และเราได้อะไรจากการเดินทาง
ถ้าใครอยากได้ข้อมูลของแต่ละประเทศ หรืออยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้เราฟัง เข้าไปที่เพจได้ค่ะ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>> อาหมวยท่องโลก
