My Tho หมี่ถ่อ

My Tho หมี่ถ่อ

 

IMG_3143

หมี่ถ่อ My Tho เมืองหลวงของจังหวัด Tien Giang เรียกได้ว่าเป็น ประตูสู่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง อาจไม่ฮึตนิยมในหมู่คนไทย เนื่องจากอากาศที่ร้อนนิดหน่อย แต่ถ้าได้มาแล้ว จะต้องชอบเมืองนี้อย่างแน่นอน

เดินทางจากโฮจิมินห์ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึง My Tho

 

My Tho เป็นเมืองเล็กๆ รอบเมืองมีทะเลสาบล้อมรอบ และมีเกาะสำคัญหลายเกาะ

เช่น

1. Dragon island เป็นเกาะที่ใกล้ที่สุด

2. Turtle Island

3. Unicorn island

4. Phoenix island

 

ทริปการเดินทาง

 

เริ่มจากไปลงที่ Unicon island แวะ Bee Farm และ แวะสวนผลไม้ ฟังดนตรีพื้นเมืองจากคนเวียดนาม จากนั้น ล่องเรือที่คลอง Van Chua ก่อนจะไป Phoenix Island

IMG_3135

เตรียมตัวเดินลงเรือใหญ่ เพื่อไป Unicon Island

 

 

 

IMG_3138

ไกด์จะนำรังผิ้งมาโชว์ ผิ้งที่นี่เป็นผึ้งเลี้ยงนะ

IMG_3136

น้ำส้มจื้ด ผสมน้ำผึ้ง รสชาติอร่อยมาก

 

จากนั้น เราจะไป ลองเรือเล็กริมคลอง ดูกิจกรรมสุดโปรดของอาหมวยต่อได้เลย

 

 

กิจกรรมใน My Tho

1. ชอบสุดคือ. ล่องเรือ ที่ คลอง Vam Chua คลองเล็กๆที่รายล้อมไปด้วยต้นจาก ใน ลำหนึ่ง นั่งได้ 4 คน จะมีคุณตา คุณยาย พายเรือ หัวและท้ายเรือ ลำละ 2 คน คุณยายพายเก่งมาก แข็งแรงสุดๆ

IMG_3141IMG_3134
2. Phoenix Island ที่นี่เคยเป็นสำนักปฎิบัติธรรม ของ Coconut Monk ในสมัยก่อน คนที่นับถือลักธินี้ต้องดื่มและกินอาหารที่ทำจากมะพร้าวเท่านั้น ตอนนี้เกาะนี้กลายเป็นรีสอร์ทไว้พักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว

IMG_3161IMG_3162IMG_3160
3. ชิม แหมนเนืองปลา อร่อยมาก

IMG_3153IMG_3155

 

1 วัน ในหมี่ถ่อ เพลินๆ เที่ยวได้สบายเลย

IMG_3141

 

2 วัน 1 คืน ที่ปราณบุรี กินอิ่ม นอนสบาย เที่ยวเพลิน

pranburi-cover-text

ปราณบุรีจะไม่ใช่ทางผ่านเพื่อลงไปสู่ทางภาคใต้อีกต่อไป แต่เป็นเส้นทางหลักที่เราตั้งใจจะไปเที่ยวพักผ่อนกันในครั้งนี้ ปราณบุรีเป็นสถานที่เที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะถูกดักไว้ที่หัวหินมากมาย แต่ก็ยังมีที่นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลดลอดออกมาได้สัมผัสความเงียบสงบสวยงามของทะเลปราณบุรี ปราณบุรีไม่ได้มีแต่ทะเลสวยเท่านั้น แต่ยังมีที่เที่ยวมากมายอยู่บริเวณใกล้ๆ ทั้งวัดวาอาราม ร้านอาหารซีฟู้ดราคาเบาๆ และครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวปราณบุรีอย่างเต็มอิ่มในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แบบ 2 วัน 1 คืน พร้อมที่พักเก๋ๆ ให้ตามไปเช็คอินกันด้วย พร้อมแล้วก็ตามติดทริปปราณบุรีกินเที่ยวนอนเพลินกันเลย

เริ่มต้นกันด้วยการเดินทางจากกรุงเทพฯไปปราณบุรีกันก่อน ขับมาเรื่อยๆ เจอรถติดบ้างเป็นบางคราโดยรวมแล้วใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางพระราม 2 ผ่านสมุทรสาคร ผ่านเพชรบุรี เข้าสู่เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเจอสีแยกปราณบุรีเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ปากน้ำปราณ

 

ปราณบุรี3

1.วนอุทยานปราณบุรี

โดยสถานที่แรกเราขอแวะผ่อนคลายคือ วนอุทยานปราณบุรี เป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างแท้จริงโดยมีพื้นที่กว้างถึง 1,984 ไร่ โดยที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำกันอย่างสนุกสนานไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้และใกล้ชิดธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินบนสะพานไม้เพื่อศึกษาป่าชายเลน ทำความรู้จักกับต้นไม้นานพันธุ์ หรือล่องเรือชมความงามธรรมชาติ ศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำได้ไปพร้อมๆ กันได้เช่นกัน โดยในพื้นที่แห่งนี้เราจะได้สัมผัสกับความร่มรื่น สดชื่น และสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มปอดเลยทีเดียว

  • เปิดให้บริการ 00-16.00 .
  • ไม่ต้องกลัวหลง ลองใช้มาแล้วว่า ไปตามได้ถึงที่หมาย Google Map

 

2.เขากะโหลก

Khao Kalok

ที่เขากะโหลกขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายสวย ทะเลน้ำใส และเขารูปทรงงาม ที่สำคัญลงเล่นน้ำทะเลได้ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของปราณบุรีไปแล้ว โดยตามหาดจะมีเก้าอี้ผ้าใบไว้บริการ ตัวละ 20-30 บาท อีกทั้งยังมีอาหารที่คุณสามารถสั่งมากินได้บริเวณหาดเช่นเดียวกัน แต่ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นๆ ตรงที่นักท่องเที่ยวยังมาไม่มาก ดังนั้นน้ำทะเลและหาดทรายยังไม่โทรมมากเท่าไร ความสวยงามยังมีให้เห็นบ้าง แต่ล่าสุดที่ได้ไปเที่ยวหากเทียบกับเมื่อก่อนประมาณ 3 ปีที่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าทะเลหาดทรายความสวยงามค่อนข้างลดลงบ้างเหมือนกัน

 

3.วัดสุมนาวาส (เขากะโหลก)

 

wat Khao Kalok

จากจุดเล่นน้ำทะเลเขากะโหลกไปเพียงเล็กน้อยประมาณ 100 เมตรได้ ก็จะเจอวัดเขากะโหลกตั้งตะหง่านมสวยงามสดใสอยู่ โดยที่วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ชาวบ้านให้การศรัทธาเป็นอย่างมาก อีกทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างก็ไปไหว้พระกราบไหว้บูชา พร้อมเก็บภาพสวยๆ ของวัดไปด้วยเช่นกัน รอบบริเวณวัดโอบล้อมไปด้วยต้นไม้และธรรมชาติดังนั้นจึงมีร่มเย็น ร่มรื่น สงบจิตสงบใจไปพร้อมๆ กัน

 

ครัวสวัสดิการเขากระโหลกครัวสวัสดิการเขากระโหลก2

ผัดฉ่าทะเล

ครัวสวัสดิการเขากระโหลก1

ส้มตำหอยดอง

ครัวสวัสดิการเขากระโหลก3

ปูนิ่มทอดกระเทียม

 

ครัวสวัสดิการเขากระโหลก4

ปลาหมึกนึ่งมะนาว

ข้ามฝั่งมาตรงข้าม หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว จะเจอร้านอาหารครัวสวัสดิการเขากะโหลก บรรยากาศดีมากเพราะเป็นร้านอาหารติดริมทะเล ตกแต่งสไตล์บ้านสวนให้ความร่มรื่นและเย็นสบาย ที่สำคัญราคาอาหารก็เบาด้วย โดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ประมาณคนละ 300 บาท และรสชาติถูกปากมาก มีเมนูหลากหลายให้เลือกกิน หากหาในเมนูไม่เจอก็ลองถามพนักงานได้เลยว่าอยากกินอะไร เพราะถ้าแม่ครัวทำได้เขาก็จัดให้นะ ส่วนวันที่เราไป ได้ลองสั่ง ทั้งไข่เจียวหอยนางรม ทะเลผัดฉ่า ปูนิ่มชุบแป้งทอด ส้มตำหอยดอง โดยแต่ละเมนูก็รสชาติจัดจ้านสไตล์ไทยเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่อาหารราคาถูกและรสชาติดีทำให้คนค่อนข้างมาก อาหารอาจจะช้าไปบ้าง เตือนไว้เลยนะว่าอย่าเร่งแม่ครัวเพราะเขาก็ทำตามคิว เดี๋ยวแม่ครัวอารมณ์ไม่ดีได้อาหารรสชาติเนือยๆ อันนี้ช่วยไม่ได้นะ

 

5. พักที่ แลดูปราณ (L’air Du Pran)

แลดูปราณ1แลดูปราณ2แลดูปราณ3

 

 

แลดูปราณ4

ที่พักน้องใหม่ติดทะเลปราณบุรีที่อยากให้คุณลองมาพักสักครั้งแล้วจะติดใจ สำหรับ “แลดูปราณ” เพราะนอกจากทำเลที่ตั้งที่ดีมากแล้ว การตกแต่งของที่นี่ก็น่ารักแสนอบอุ่น ให้อารมณ์คล้ายๆ กับมาเที่ยวบ้านเพื่อนยังไงยังง้านเลย อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้ทำระหว่างพักผ่อนด้วย ไม่ว่าจะว่ายน้ำเพลินพร้อมชมวิวทะเลปราณฯ สวย หรือจะปั่นจักรยานโต้ลมทะเลก็ได้เช่นกัน ที่พักแห่งนี้ถึงจะเป็นรีสอร์ทขนาดกะทัดรัด แต่ความประทับใจที่มีให้เยอะมาก เพราะยังมีอาหารรสชาติดีๆ ให้เรากินได้สั่งกินอย่างหลากหลาย ไม่ต้องไปเร่ร่อนตามหาอาหารที่ไหนเลย

  • มาไม่ถูกไม่ต้องกลัวหลง วิ่งตาม Google Map ได้เลย

 

โดยราคาที่พักต่อคืนเริ่มต้น 2,900 บาท สามารจองผ่าน Traveloka ได้เลยเพราะมีโปรโมชั่นส่วนลดมาให้เรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้การจองที่พักปราณบุรีถูกลงด้วย จองที่พักแลดูปราณ คลิกตรงนี้ ดูที่พักปราณบุรีที่อื่นๆ คลิกเลย

 

Hoi An -Amazing Town

IMG_0775

 

เมือง Hoi An ไม่ใช่แค่เมืองน่าเที่ยวธรรมดา แต่เป็นเมืองที่มีความสำคัญมากในอดีต โดยเฉพาะในสมัยศัตวรรษที่ 15-19 เมือง Hoi An คือเมืองท่าค้าขายที่สำคัญของ เวียดนาม ตลอดเส้นทางแม่น้ำ Thu Bon ที่ไหลผ่านในเขตเมืองนี้ เต็มไปด้วย พ่อค้า แม่ค้าจากชาติต่างๆ

 

นอกเหนือจากนี้ ในศตวรรษที่ 17 ชาวญี่ปุ่นและจีน ได้เปิดร้านขายของ สร้างบ้านเรือนที่เมืองนี้ ทำให้เมืองนี้ได้รับอิทธิพลจากญีปุ่นและจีนมากพอสมควร

 

 

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ Hoi An ไม่ได้เป็นเมืองท่าเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่เมืองนี้ก็ยังมีสำคัญต่อเวียดนาม ในด้านเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม กลิ่นอายของวัฒนธรรม จีน ญี่ปุ่น และเวียดนามที่หลงเหลืออยู่ใน Xoi An ต่างก็ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเที่ยว

 

ตลอด 2 ข้างทางเราจะเห็น ร้านค้าสไตย์จีนญี่ปุ่นโบราณซึ่งมีอายุ 200 กว่าปีมาแล้ว และตึกที่ประด้วยโคมไฟนับพัน, วัดจีนโบราณ และ สะพานญีปุ่น

 

เป็นอีก 1 เมืองที่อาหมวยเก็บไว้ในลิสต์นักเดินทางซะแล้ว เมืองนี้ช่างเป็นเมืองที่เหนือความคาดหมายมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่า เมืองนี้จะทำให้เราชอบมากถึงมากที่สุด

 

 

เรามาดูกันกันดีกว่า ถ้าไป Hoi An เราห้ามพลาดกิจกรรมอะไรไป

 

 

ไป Hoi An ทำไรดี

 

1. ถ่ายรูปกับตึกหลากสีสัน และบ้านโบราณสไตย์จีน + ญี่ปุ่น สิ่งนี้คือเอกลักษณ์ของที่นี่เลย ถ่ายกลางวันก็สวย ถ่ายกลางคืนก็ได้บรรยากาศอีกแบบนึง

IMG_0807

เดินเที่ยวถ่ายรูปที่นี่สบายมาก คนเยอะในบางจุดแต่ไม่วุ่นวายมาก อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนมากเหมือนโฮจิมินท์

 

 

ดูบรรยากาศกลางวันกัน

 

IMG_0857IMG_0859IMG_0860IMG_0858IMG_0861

 

 

วิวกลางคืนยิ่งสวย

 

IMG_0806IMG_0808IMG_0805IMG_0803IMG_0809IMG_0810

 

ร้านเหล้า, ร้านอาหารที่นี่เปิดจนดึก ใครหิวก็ฝากท้องได้เลย

 

โคมไฟหลากหลายสีที่วางขาย น่าซื้อกลับไปไม่ใช่น้อย

IMG_0801

 

2. หลังจากเดินเที่ยวชมวัด บ้านโบราณ แล้ว แนะนำให้มานั่งชมวิวริมแม่น้ำ Thu Bon อาจจะเสริมบรรยากาศ โดยการชิม bia hơi เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดังของเมืองนี้ มีแอลกอฮอล์แค่ 3 % ไม่เมาง่ายๆแน่นอน

 

 

เดินเล่นในเมืองนิดนิดๆ

 

Phuoc Kien Assembly Hall

วัดจีนที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1692

IMG_0866

 

 

จะเจอวัดจีนนิกายต่างๆตลอดทางที่เราเดินชมเมือง

IMG_0865

 

วิวแม่น้ำ Thu Bon

 

IMG_0813IMG_0812

 

เดินชมวิวไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็เย็นซะแล้ว

IMG_0804

 

 

วิวสวย บรรยากาศดี ลมเย็นๆ อยากจะสิงมันตรงนี้เลย

เมืองนี้เป็นเมืองที่ดีต่อใจมากเลย

 

3. ชิมบาร์บีคิวข้างทาง

 

IMG_0802IMG_0863

บาร์บีคิวที่นี่มีชื่อเรียกด้วยนะคะ คนเวียดนามเรียกว่า “ทิดเนือง”

ขอย้ำว่าต้องชิมข้างทาง ทำไมต้องข้างทาง เพราะต้นตำรับ ต้องริมถนนเท่านั้น บาร์บีคิวมีทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้ง ผสมกับน้ำจิ้มรสชาติเด็ด เด็ดมากจนอาหมวยขอซื้อกลับไปที่ไทย. ราคาไม่แพงด้วย พูดแล้วก็อยากกลับไปกินและก็กิน

 

4. ลองชิม Cao Lao

 

IMG_0854

เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เราควรลองชิม Cao Lao ก๋วยเตี๋ยวสูตรพิเศษของเมืองนี้ซึ่งสืบทอดวิธีการทำมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

 

สิ่งที่แตกต่างจากก๋วยเตี๋ยวเขตอื่นในเวียดนาม คือ Cao Lao เส้นก๋วยเตี๋ยวจะมีสีน้ำตาล อีกหนึ่งความพิเศษคือ เส้นก๋วยเตี๋ยวของที่นี่จะผสมกับน้ำด่าง พอมารวมกับหมูอบนุ่มลิ้น มีกลิ่นหอมนิดๆของผักต่างๆรวมถึงใบโหระพาหรือใบมิ้น รสชาติกล่มกล่อมมากเลย

 

เขาบอกกันนำ้ด่างที่นำมาผสมกับเส้นก๋วยเตี๋ยวนั้น เป็นความลับของที่นี่ บอกกันไม่ได้ ถ้ามีโอกาสไป ต้องไปลองเลยแหละ

 

จานนี้เป็น Cao Lao เหมือนกันแต่ใช้เส้นขาว

IMG_0853

 

 

 

 

 

 

 

5. อย่าลืมแวะกินข้าวมันไก่เวียดนาม เด็ดๆสุด

 

IMG_0856IMG_0855

ร้านที่เราแนะนำคือ com ga ba minh ราคาตั้งแต่ 25000-200000 ดองเวียดนาม อร่อยจนเราต้องเบิ้ล 2

 

ร้านนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องรสชาติ คนท้องถิ่นแนะนำมาว่าต้องไปค่ะ You Must Go Na!!!!!

 

 

 

 

นอกจากนี้ไม่ไกลจากตัวเมือง Xoi An ยังมีทะเลด้วยนะ ปั่นจักรยานไปได้สบายเลย

 

IMG_0870

 

 

“ระยอง” จ๋ารอพี่ด้วย 5 กิจกรรมสุดจี๊ด พร้อมที่พักเก๋ๆ ในเมือง

“ระยอง” จ๋ารอพี่ด้วย 5 กิจกรรมสุดจี๊ด พร้อมที่พักเก๋ๆ ในเมือง

 

cover rayong

 

“ระยอง” ไม่ได้มีแค่ทะเลหรือเกาะเสม็ดเท่านั้น ระยองมีที่เที่ยวเยอะมากกกก (ก.ไก่หลายตัว) จะบอกว่าเป็นจังหวัดที่ครบก็สามารถพูดได้ ทั้ง ทะเล ภูเขา น้ำตก ไร่สวนผลไม้สไตล์บุฟเฟ่ต์ ร้านอาการก็เยอะ ที่พักระยองก็เพียบ อีกทั้งยังเดินทางไม่ไกลด้วย หากขับรถยนต์มาจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว หรือจะนั่งรถโดยสารสาธารณะก็สะดวก ได้ทั้งรถตู้ รถทัวร์ เลือกได้แล้วแต่ความสะดวก

การมาเที่ยวระยองครั้งนี้ของเราไม่ได้โฟกัสที่ทะเล หรือเกาะเสม็ด ส่วนหนึ่งเพราะไม่ชอบเล่นน้ำทะเล แต่ก็ชอบเที่ยวทะเล งงเด้! เราชอบบรรยากาศทะเล ที่มีทั้งความสวย ความเศร้า ความโรแมนติก ความชิล อยู่ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน หากมาเที่ยวทะเลก็ช่วยให้สบายใจได้ แต่ทะเลเท่านั้นหรอที่ทำให้คนเราสบายใจขึ้นได้? มาระยองคราวนี้เลยไปที่ๆ แตกต่างจากเดิมๆ และระยองก็เป็นจังหวัดที่มีกิจกรรมครบครันอย่างที่บอกไว้ตอนแรก แต่จะมีที่ไหนที่ทำแล้วสนุก ผ่อนคลาย เติมพลังได้บ้างก็ไปลุยพร้อมกันเลย

 

1 เกาะทะลุ

koh-talu-island-rayong

อยู่ไม่ไกลจากเกาะเสม็ด นั่งสปีดโบ๊ทประมาณ 20 นาทีก็ถึงแล้ว สำหรับ “เกาะทะลุ” การได้เห็นความงามของเกาะทะลุเป็นอะไรที่ว้าวมาก น้ำสีฟ้าใสๆ ไหลผ่านทะลุถึงกัน ถ่ายรูปรัวๆ ไปหลายรูปกันเลยทีเดียว เกาะทะลุที่ระยองนั้นนั่งอยู่บนเรือชมความทะลุเท่านั้น ไม่สามารถลงไปเดินเล่นชายหาดได้ เพราะเกาะทะลุของที่นี่จะอยู่ริมผา ไม่มีบริเวณให้เดินเล่น แต่อีกฝั่งของเกาะจะมีหาดสวยๆ ขาวๆ ให้ได้เดินชิลเล่นได้

ช่วงเวลาที่ควรไป จริงๆ แล้วก็ไปได้ตลอดทั้งปี แต่หากเป็นช่วงมรสุมหรือหน้าฝนคนขับเรือเขาก็ไม่ไปให้

ค่าใช้จ่าย: ส่วนใหญ่จะเป็นวันเดย์ทริป พาเที่ยวรอบเกาะ มีกิจกรรมดำน้ำด้วย ทั้งแบบน้ำลึก น้ำตื้น มีอาหารกลางวัน เฉลี่ยแล้วคนละ 600 บาท (ราคานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

 

2 พระเจดีย์กลางน้ำ

 

Chedi 1

 

พระสมุทรเจดีย์ หรือ เจดีย์กลางน้ำ เป็นสิ่งที่ชาวระยองเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ตั้งสวย สง่างามด้วยความสูงกว่า 10 เมรตร  สีขาวที่โดดเด่น อยู่บนเกาะกลางน้ำที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าชายเลน การที่มาเยือนที่แห่งนี้นอกจากได้สักการะไหว้พระแล้วยังได้เที่ยวชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ภายใต้ชื่อ “ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน พระเจดีย์กลางน้ำ” อีกด้วย โดยมีสะพานปูนให้เราเดินเล่นชมธรรมชาติยาวกว่า 200 เมตรกันเลยทีเดียว

 

 

3 อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า

แอบรักเขา ก็ต้องไปหาเขา “อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า” ไปหาแล้วไม่มีผิดหวัง เพราะมีจุดชมวิวสวยมาก เห็นเกาะเสม็ดจากมุมสูงด้วยนะ ที่สำคัญคนที่รักการถ่ายรูปก็ต้องรักที่นี่มากแน่นอน เพราะมีจุดให้ถ่ายรูปงามๆ หลายบริเวณ สามารถแชร์ให้โลกรู้ผ่านโซเชียลได้แบบไม่ซ้ำมุมกันไปเลย ปล.วิวพระอาทิตย์ตกดินที่เขาแหลมหญ้าสวยไม่แพ้กับการนั่งชมที่ริมหาดเลย แต่ถ้าอยากมาชมพระอาทิตย์ตกแนะนำให้มารอก่อน 6 โมงเย็นแสงตอนที่พระอาทิย์ค่อยๆ คล้อยลงไปนั้นสวยที่สุด และโรแมนติกหนักมาก

 

 

4 นั่งเรือตกปลา+หมึก

 

นั่งเรือตกปลา

ออกทะเลตอนกลางวันก็สวยดี แต่ถ้าออกตอนกลางคืนนี่สิตื่นเต้น แถมอิ่มท้องด้วย จะอะไรซะอีกก็ไปตกปลาหมึกตอนกลางคืนกันไง ได้สัมผัสกับการนั่งเรือประมง และได้นั่งตกปลา ตกหมึก กินอาหารทะเลได้สดๆ บนเรือกันไปเลย หากใครไม่เคยลองกินปลาหมึกสดๆ ควรลองนะ เพราะรสชาติดีมากหวานๆ กรุบๆ ให้ลองทั้งแบบมีน้ำจิ้มซีฟู้ดและกินเพรียวๆ จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน แต่ยืนยันว่าอร่อยทั้ง 2 แบบเลย

5. อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา เขาวง

 อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา เขาวง

 

เป็นอุทยานที่มีชื่อเสียงของจังหวัดระยอง ที่สำคัญมีน้ำตกที่สวยและเล่นน้ำได้ มาพร้อมกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก ทั้งต้นไม้หลากหลายพันธุ์ และยังมีสัตว์ป่าบางชนิดให้เราได้เห็นด้วย ที่อุทยานแห่งนี้มีจุดท่องเที่ยวหลายจุด อย่างน้ำตกเขาชะเมาก็สามารถไปดูวงจรของปลาพลวงได้เพราะอาศัยอยู่จุดนี้เป็นจำนวนมาก แต่หากอยากเล่นน้ำตกก็ต้อง จุดน้ำตกคลองปลาก้าง น้ำนี่ใสเชียว ลองเอาเท้าไปจุ่มๆ น้ำก็เย็นชื่นใจชวนให้อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปเล่นแบบเต็มตัวเลยทีเดียว

 

 

 

 

แนะนำที่พัก >> โรงแรม ดี วารี ดีว่า เซ็นทรัล ระยอง (D Varee Diva Central Rayong)

D Varee DivaD Varee Diva 2

 

ส่วนเรื่องที่พัก เราแนะนำ “ดี วารี ดีว่า เซ็นทรัล ระยอง” ด้วยความที่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ การบริการเลยได้มาตรฐาน ห้องพักสะอาด อีกทั้งยังใกล้ชายหาดด้วย เดินไปประมาณ 10 นาทีก็ได้เดินเหยียบทรายขาวๆ แล้ว ส่วนตัวให้ความสำคัญเรื่องการบริการ และความสะอาดมากที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังพนักงานบริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใสถือว่าผ่าน ส่วนห้องพักสะอาด หมอนที่นอนไม่มีกลิ่นประหลาดให้ขุ่นคล่องหมองมัวใจ

 

D Varee Diva 3

 

มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ด้วยหากใครไม่อยากเล่นน้ำทะเลก็มาเล่นน้ำในสระแทนได้ เวลาไปพักที่โรงแรมต่างๆ เราชอบดูรีวิวอาหารเช้าที่สุด ถ้าที่ไหนอาหารเช้า อร่อยจะไม่คิดอะไรมาก รีบจองทันทีเลย และเรื่องอาหารเช้าก็เป็นอีก 1 เหตุผลที่เราเลือกพักที่นี่ คือดีงาม รสชาติพูดได้เต็มปากว่าอร่อย ไลน์อาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย รอบๆ โรงแรมไม่เปลี่ยว ใกล้ตลาดโต้รุ่งถ้าเย็นๆ ไม่อยากกินอาหารโรงแรมก็หาอาหารท้องถิ่นกินก็ได้บรรยากาศดี เราว่าที่นี่ทุกอย่างโอเคนะ สำหรับเราให้เลย 3 ผ่าน!

 

สนใจจองที่พักโรงแรม D Varee Diva Central กับ Traveloka

 

ตอนเรามาพัก ราคาประมาณ 1,680 บาท แต่จองผ่าน Traveloka นะ ลองเช็คราคาแล้วจองกับที่นี่ได้ราคาดีสุดเลย หากใครมาเที่ยวระยองแล้วอยากพัก “ดี วารี ดีว่า เซ็นทรัล ระยอง” หรือกำลังหาที่พักระยองราคาเบาๆ ก็ตามไปจองที่ลิ้งค์นี้ได้เลย >> Click

5 เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวรัสเซีย

รัสเซีย หรอ มาเฟียเยอะ อันตราย ประเทศเขายังปิดอยู่เลย ไปทำไม โครตอันตราย

 

ข้อความข้างบนต้องบอกว่า คุณคิดผิด จากประสบการณ์ที่เรียนที่รัสเซียมา 5 ปีกว่า และออกเดินทางเที่ยวทั่วโลก 56 ประเทศ ต้องบอกว่า รัสเซียในวันนี้ มีเสน่ห์ น่าค้นหา ยิ่งรู้จักก็ยิ่งหลงรัก

 

ลองมาฟัง 5 เหตุผลที่เราควรไปเที่ยวรัสเซีย

 

1. เที่ยวได้ทุกฤดู ไปไหนไปกัน

 

รัสเซียเป็นประเทศที่ไม่ว่าคุณมาฤดูไหนก็ตาม คุณสามารถสนุกสนานไปบรรยากาศรอบตัวได้ทั้งนั้น

 

มาดูบรรยากาศในฤดูไม้ใบผลิกันบ้าง

IMG_0006IMG_9990

 

 

ดอกไม้บานสะพรั่ง เห็นภาพกันแล้วคงไม่คิดว่ารัสเซียจะมุ้งมิ้งได้ขนาดนี้นะสิ

IMG_9976

 

 

 

ไม้ใบร่วง – เหลือง แดง ทั้งทั้งเมือง จนได้เรียกฤดูนี้ว่า Golden Autumn

IMG_9997

 

IMG_0009IMG_0010IMG_0011

 

 

 

ร้อน. เที่ยวเพลิน เที่ยวคุ้ม ต้องฤดูร้อน ลากยาวยังตี 2 ฟ้าก็ยังสว่าง

 

IMG_0012IMG_0013IMG_0014

 

 

ฤดูหนาว. สกี, สุนัขลากเลื่อน แสงเหนือ อะไรจะมันส์ไปกว่านี้อีก

 

IMG_0018

IMG_0015IMG_9974IMG_9975

 

บรรยากาศคริสต์มาสในรัสเซีย

Watermarked2(2017-09-11-1547)Watermarked(2017-09-11-1547)

 

2.  ค่าครองชีพที่ถูกลง

เมื่อก่อนค่าครองชีพที่รัสเซียแพงกว่าไทยถึง 1-2 เท่าตัว. พอตั้งแต่มีปัญหาด้านการเมือง ค่าครองชีพก็ถูกลงถึง 40-50% ต้องรีบคว้าโอกาสก่อนที่ค่าเงินจะขึ้นมา

 

 

IMG_9982

 

 

3.  อาหารที่หลากหลาย

 

บางคนอาจคิดว่า กินไม่ได้หรอก อาหารรัสเซีย จะบอกว่าของเขามีดีนะจ้ะ

 

ยกตัวอย่างเช่น ชุปบอรช (ชุบบีทรูท) อร่อยเด็ดเลยแหละ

IMG_0008

นอกจากอาหารรัสเซีย ที่รัสเซียยังมีอาหารหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็น อาหารเกาหลี, อาหารญี่ปุ่น, อาหารจีน รวมไปถึงอาหารประเทศอื่นๆ เช่น อาหารจอร์เจีย

 

ขอบอกว่ารสชาติดีๆทั้งนั้น ถูกปากคนไทย.

 

ขอโชว์ภาพอาหารที่อาหมวยชอบไปกินให้ดูซะหน่อย

IMG_9992IMG_9991IMG_0005IMG_0003IMG_9987

 

 

 

 

4. สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก

เมื่อเราย่างก้าวเข้ามาในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เราถึงกับต้องร้องว่า โอ้ว มายกอด สวยอะไรเช่นนี้ นี่รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือพระราชวังเนี่ย. ถ้าไม่เชื่อ คุณก็ต้องไปพิสูนจ์

IMG_0019

 

 

 

5. แสงเหนือ

 

IMG_0020

Photo Credit: Орлов Иван

ปกติไปดูกันที่ไอร์แลนด์, นอร์เวย์ ฟินแลนด์ แพงจนกระเป๋าฉีกเลย แต่ถ้าคุณมารัสเซีย ฟินเหมือนกัน สวยงามไม่แพ้ประเทศอื่นๆเลย. แต่ประหยัดงบลงมาครึ่งนึงเลย สักครั้งในชีวิตไม่ไปคงไม่ได้

 

 

 

 

 

 

 

Chic Cafe Around Hongdae ~ร้านคาเฟ่สุดฮิตย่านฮงแด (part 1)

Chic Cafes Around Hongdae ~ร้านคาเฟ่สุดฮิตย่านฮงแด (part 1)

 

 

วันนี้อาหมวยจะมาแนะนำร้าคาเฟ่สุดฮิตในย่านวัยรุ่นสุดคลู ย่านฮงแดนั่นเอง!!!!

 

1. Tone & Manner cafe

 

Tone & Manner อยู่ตรงข้ามร้านขายของเล่น ของสะสม Maison de Aloha ร้านขายของเล็กร้านนี้น่ารักมาก สไตย์วินเทจต้องชอบ

 

ที่อยู่: 337-10, Seogyo-dong, Mapo-gu, Seoul.

 

เวลา ปิด-เปิด: 12.00-23.00 เปิดทุกวัน

ที่จอดรถ:  ไม่มีที่จอดรถ

ราคา: ไม่เกิน 10000 วอน อย่างเช่นกาแฟ แก้วละ 5000 วอน

เมนูแนะนำ : ชานม, กาแฟ, strawberry Latte, เมนู 초속 5 cm , Vanilla sky

 

จุดเด่น: ร้านที่นี่ครีมอร่อยมาก คนเกาหลีพูดกันเป็นเสียงเดียวเลยว่า ครีมอร่อยจริงๆ โดยเฉพาะ pink handmade cream ของ เมนู 초속 5 cm (1 ในลิสต์ที่อาหมวยจะไปโดน)

 

 

การเดินทาง: นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเขียวมาลงที่ สถานี ฮงแด( 홍대입구) ออกประตูหมายเลข 7 เดินไปประมาณ 10 นาที ถึงคาเฟ่

 

 

มาดูภาพกัน

 

ข้างหน้าร้าน

IMG_9703

 

ภายในร้าน

 

IMG_9701

 

เซฮุน วง Exo ก็เคยมาถ่ายหนังที่นี่นะ

IMG_9706

 

ขึ้นมาชั้น 3 จะเจอที่นั่งสีชมพูแบบนี้ น่ารักเกิน

IMG_9698

 

มาดูบรรยากาศตอนกลางคืนบ้าง

 

Photo Credit: Tone & Manner Cafe

 

 

2. Slow Step

 

เมื่อก่อนร้านนี้เป็นบ้านคน แต่ได้ปรับปรุงมาเป็นคาเฟ่

ที่อยู่: 13-4 Hongik-ro, Seogyo-dong, Mapo-gu, Seoul, South Korea

เวลา ปิด-เปิด: 12.00-23.00 เปิดทุกวัน

ที่จอดรถ: ไม่มีที่จอดรถ

ราคา: ไม่เกิน 10000

เมนูแนะนำ : เค้กต่างๆ โดยเฉพาะ เค้ก strawberry, กาแฟ, น้ำเกรปฟรุ๊ต

 

จุดเด่น: ร้านที่นี่เด่นเรื่องเค้ก เค้กทุกชิ้น ทางร้านทำเอง อร่อยมากๆๆ

Processed with VSCO with g1 preset

 

 

บรรยากาศในร้าน

 

Processed with VSCO with q1 presetProcessed with VSCO with q1 presetProcessed with VSCO with q1 preset

 

 

ขนมเค้กหลากหลาย

 

Processed with VSCO with c1 preset

 

Picture credit: 메이, Jungclo, Soom

 

 

 

ร้านที่ 3 Sketchbook

 

ที่อยู่: 463-33 Seogyo-dong, Mapo-gu, Seoul, South Korea

 

เวลา ปิด-เปิด: วันธรรมดา: 12.00-24.00, วันหยุด: 12.00-22.00

ที่จอดรถ: ไม่มีที่จอดรถ

ราคา: ไม่เกิน 12000 วอน

เมนูแนะนำ: วาฟเฟิลต่างๆ สลัด, แซนด์วิช, แฮมเบอร์เกอร์

 

จุดเด่น: บรรยากาศดี อยู่ไม่ไกลจากฮงแด เซตอาหารกลางวันเพิ่ม 1000 วอน สามารถเลือกเครื่องดื่มเพิ่มได้

 

 

ทำเลดีงาม ในย่านฮงแด

Processed with VSCO with q1 preset

 

 

บรรยากาศด้านใน

Processed with VSCO with q1 presetProcessed with VSCO with q1 preset

 

มาดู Terrace กัน

Processed with VSCO with q2 presetProcessed with VSCO with q2 preset

 

Picture credit: 정마남, LG 유플러스 스토리

 

 

 

4. Talk To u Later (TTUL)

 

ที่อยู่: 260-48 Yeonnam-dong, Mapo-gu, Seoul, South Korea

เวลา ปิด-เปิด: วันธรรมดา: 12.00-24.00, ปิดวันจันทร์

ที่จอดรถ: ไม่มีที่จอดรถ

ราคา: ไม่เกิน 10000 วอน

เมนูแนะนำ : เค้ก และเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเค้กสตอเบอรี่ , เทอรามิสุ และเค้กชาเขียว

จุดเด่น: ร้านนี้สำหรับสาวๆๆโดยเฉพาะ ร้านตกแต่งด้วยสีชมพูทั้งร้าน รวมไปถึงเค้ก จะมีสีชมพูเข้ามาผสมอยู่ด้วย

 

สีชมพูหวานแวว!!!

Processed with VSCO with q1 preset

 

ของตกแต่งข้างในเข้ากับสีชมพูของร้านได้อย่างดี

Processed with VSCO with q1 presetProcessed with VSCO with q1 preset

 

 

เค้กน่ากินอะไรเช่นนี้ ต้องไปโดน

Processed with VSCO with g2 presetProcessed with VSCO with g1 preset

 

Picture credit: 안지선, Syrinxcat, 설칠이

 

7 เมืองน่าเที่ยวในยุโรป 2017 ในงบไม่เกิน 1500 บาท ต่อวัน

7 เมืองน่าเที่ยวในยุโรป 2017 ในงบไม่เกิน 1500 บาท ต่อวัน

 

พูดถึง ยุโรป ใครๆก็อยากไปเที่ยวกัน แต่สำหรับคนงบน้อย จะทำอย่างไรล่ะ วันนี้อาหมวยท่องโลกเลยมานำเสนอลิสต์เมืองน่าเที่ยวในราคาไม่เกิน 1500 บาทต่อวัน

 

 

 

1. Budapest, Hungary

เมืองหลวงของประเทศฮังการี อีกเมืองที่ถึงว่าเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ตัวเมืองนั้นแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งโดยมีแม่น้ำ Danube คั่นกลาง มีสะพาน chain bridge อันโด่งดังตั้งสง่าอยู่ตรงกลาง

IMG_9604

 

ชมวิวแม่น้ำ Danube, นั่งเคเบิลคาร์จาก own town ไป castle hill เยี่ยมชมโบสถ์Matthias อันเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 แวะถ่ายรูปที่ Hero Square จากนั้นไป Fisherman’s Bastion คุณสามารถถ่ายรูปวิวเมือง Budapest ทั้งหมดจากตรงนี้ ตอนเย็น ก็แวะเดินเล่น ชมวิวยามค่ำคืนริมแม่น้ำ Danube และโปรมแกรมอื่นๆอีกสารพัด

 

ส่วนตัวแล้ว ชอบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของที่นี่ และความโรแมนติกเล็ก โดยเฉพาะตอนที่มองลงมาจากสะพาน

IMG_9603

 

อาหารที่นี่จะเป็นสไตย์ยุโรป แต่ราคาไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป อาหารเอเชียที่ฮิตของที่นี่คือ อาหารจีน ให้เยอะ ราคาโอเค

 

IMG_9622

ข้อควรระวัง:
ที่นี่ homeless เยอะ และในรถไฟฟ้าใต้ดิน มิจฉาชีพเยอะ ตอนซื้อตั๋ว ชอบมายุ่ง มาถามว่าให้ช่วยไหม บางทีมาเสนอขายตั๋ว อย่าหลงกล

 

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: โพรินท์ฮังการี (HUF) 1 HUF = 0.14 THB

ค่าเดินทางในเมือง: 100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 450-700 บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 200-300 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 320 บาท

= ต่อวันไม่ถึง 1000 บาท

 

 

 

 

2. Sofia, Bulgaria

 

IMG_9620

 

ประเทศนี้อาหมวยท่องโลกยังไม่เคยไป แต่วางแพลนไว้ว่าจะไปปีหน้า เท่าที่ศึกษามา ค่าครองชีพถูกมาก สถานที่ท่องเที่ยวนั้นอาจไม่ค่อยมีมากเหมือนประเทศอื่น แต่รับรองได้ว่า Sofia จะหนึ่งในเมืองที่คุณจะต้องทึ่งกับค่าครองชีพและวิวธรรมชาติอย่างแน่นอน

IMG_9617IMG_9618

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: Leva(BGN)

ค่าเดินทางในเมือง: 40-50 บาท(ถูกสุดๆ)
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 350-500บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 120 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 230-250 บาท

= ไม่ถึง 1 พันบาทต่อวัน

 

 

 

 

3. Cesky Krumlov, Czech Republic.

 

ถ้ามา Czech Republic คงจะไม่พลาดที่จะไปเมืองนี้ เยี่ยมชมปราสาทเก่าแก่สไตย์โกธิค ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และชมวิวพาโนรามา นับว่าที่นี่คือเมืองยอดนิยมของ Czech Republic

IMG_9606

 

นักท่องเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่มักเป็นชาวเอเชีย แต่ก็ไม่เยอะเกินไปจนวุ่นวาย ถ้ามีโอกาสได้มา Czech Republic อย่าลืมแวะเที่ยวที่นี่ด้วยนะคะ

 

 

IMG_9605IMG_9607

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

 

หน่วยเงินที่ใช้: โคลูนา เชค (CZK)

ค่าเดินทางในเมือง: 80-100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 450-550บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 150-200 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 400 บาท

= เฉลี่ย 1080 บาท

 

 

 

 

4. Zagreb, Croatia

 

IMG_9609

 

ข้อดีของเมืองนี้คือ ไม่ใช่เมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ทำให้ไม่วุ่นวาย เงียบ สงบ แถมราคาค่าอาหาร ค่าที่พัก สบายกระเป๋าแบบนี้ ไม่ไปคงไม่ได้แล้ว

IMG_9610

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: KUNA (HRK)

ค่าเดินทางในเมือง: 110-150 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 450-700บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 160-200บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 325 บาท

= เฉลี่ย 1045 บาท

 

 

 

5. Bratislava, Slovakia

IMG_9613

เมืองหลวงของประเทศ Slovakia สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ก็จะเป็น ย่านเมืองเก่า, Primat’s Palace, Bratislava Castle,St Michael’s Tower

 

IMG_9612

อาหมวยท่องโลกตกหลุมรักตัวเมืองที่นี่ ตลอดเส้นท้างจะผ่านร้านอาหารน่ารักๆ และตามทางก็จะเจอรูปปั้นแปลกๆ เก๋ๆเต็มไปหมด แม้กระทั้งม้านั่ง คุณก็สามารถถ่ายรูปได้ เป็นเมืองเล็กๆๆ ชิวๆ

IMG_9611

ถ้าใครชอบบรรยากาศยามค่ำคืนก็สามารถเอ็นจอยหรือมาปาร์ตี้ที่นี่ได้

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: Euro

ค่าเดินทางในเมือง: 100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 500-800บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 200-300 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 320บาท

= ต่อวัน 1120 บาท

 

 

 

6. Tallin, Estonia

IMG_9601

เมืองน่ารัก ขนมอร่อย ผสมผสานกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เมืองนี้ยิ่งน่าเที่ยวขึ้นไปใหญ่

IMG_9602

อีกทั้ง Tallin ยังเป็นเมืองท่าไปฟินแลนด์อีกด้วย

 

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: ยูโร (EURO)

ค่าเดินทางในเมือง: 80-100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 600 – 1000บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 300-400 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 440 บาท

= เฉลี่ย 1420 บาท

 

 

 

 

 

7. Prague, Czech Republic.

 

 

IMG_9600

เมืองจุดหมายปลายฝันของนักท่องเที่ยว เมืองสุดโรแมนติกของโลก ไม่ว่าจะเป็น ปราสาท อาคารบ้านเรือน รวมไปถึงสะพาน สวยงามสุดๆ อีกทั้งยัวมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีก บวกกับค่าครองชีพที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในยุโรป จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวต่างมาเที่ยวที่นี่กันทั้งนั้น

 

 

IMG_9614

บรรยากาศในช่วง Christmas  ดีอ่ะ

 

IMG_9615

ถ่ายจากสะพาน แค่ตรงนี้ก็รู้สึกฟินแล้วแหละ

 

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: โคลูนา เชค (CZK)

ค่าเดินทางในเมือง: 80-100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 560 – 800บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 400-600 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 400 บาท

= เฉลี่ย 1500 บาท

 

 

Picture credit: google.com and my picture

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Lisbon – เมืองอะไรมีแต่เนิน

Lisbon – เมืองอะไรมีแต่เนิน

 

ด้วยความที่ว่าเจอโปรตั๋วเครื่องบิน กัวลาลัมเปอร์ -ลิสบอน, มาดริด -กรุงเทพ เลยจัดไปซะหน่อย แถมได้แวะเที่ยวมาเลเซียอีก ซื้อตั๋วไปก่อนที่จะได้วางแผนเที่ยวซะอีก

ลิสบอนเป็นเมืองที่มีเนินขึ้น-ลงตลอดเวลา
ตอนแรกเจ้าหน้าที่ที่โฮสเทลบอกว่า เที่ยวเมืองนี้คุณจะเหมือนเดินขึ้นบันไดอยูตลอดเ
555+ ตอนแรกก็ไม่ได้เชื่อ พอเริ่มออกเดิน คือ มันจะเนินไปไหนว่ะ เมืองอะไรเนี่ยมีแต่เนิน 😉

ดีนะ ได้ออกกำลังกาย จบทริปนี้ อาหมวยท่องโลกน้ำหนักลดไปถึง 3 โลเลยทีเดียว

 

 

การยื่นวีซ่า

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://a-muaytravelblog.com/2017/08/14/ขั้นตอนการยื่นวีซ่าโปร/#more-1148

 

การเดินทางเที่ยวในเมือง

1. เดินสำรวจเมือง +นั่งรถราง, รถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นวิธีที่ดีสุดสำหรับคนที่ชอบลุยๆ เหนื่อยหน่อย แต่ได้ใช้ชีวิตแบบคนที่โน่น ดูว่าเขาทำอะไร กินอะไร เดินทางอย่างไร

 

แนะนำให้ซื้อ

เพิ่มเติม: รถรางสาย 28 เป็นรถรางที่วิ่งผ่าแหล่งท่องเที่ยวในเซ็นเตอร์เกือบทั้งหมด เฉพาะฉะนั้นคนจะเยอะมาก และมิจฉาชีพก็เยอะตาม แนะนำให้นั่งรถเมย์ หรือรถรางสายอื่น เข้า google map ใส่สถานที่ที่จะไป จะขึ้นสายรถเมล์ให้คุณ อาหมวยท่องโลกใช้วิธีนี้ สะดวกมาก ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนและยื่นเมื่อยในรถราง สาย 28 แถมยังเลี่ยงมิจฉาชีพได้อีกด้วย

 

 

รถรางสาย 28 ไม่แปลกใจว่าทำไมคนที่โดนขโมยกัน ถ้าจะเบียดขนาดนี้

IMG_8967

 

 

คำเตือน: ที่ลิสบอน ทางเป็นเนินเขาขึ้นลงตลอดเวลา เดินกันเหนื่อยเลย

 

2. ขับรถ ก็สะดวกมากนะคะ ค่าเช่ารถไม่แพงเลย แต่ในเซ็นเตอร์หาที่จอดรถยาก

 

ช่วงที่ควรไป: ช่วงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนมากๆ. ร้อนเกินไปที่จะเที่ยว

การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง

1. รถแท็กซี่เข้าเมือง ราคาประมาณ (15-20ยูโร) เรียกรถจากจุดเรียกรถของสนามบินนะคะ
2. รถไฟฟ้าใต้ดิน ไปลงที่สถานี Saldalha station แล้วเปลื่ยนสายไปสถาที่ที่พัก ใช้เวลาจากสนามบินไปที่ Saldalha station ประมาณ 25 นาที
3. รถบัสแอร์พอร์ต มีให้รถบัสเลือกเยอะมาก

– Aerobus 1  วันจันทร์ -ศุกร์. 7.00 am -11.20 pm ออกเดินทางทุก 20 นาที, เสาร์-อาทิตย์ 7.00 am – 10.50 pm. ออกทุกๆ 25 นาที

– Aerobus 2   7.00 am- 2pm ออกทุกๆ 40 นาที หลังจากบ่ายโมง รถบัสจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง

– City bus มีหลายสาย เช่น705, 722, 744

– Night bus 208 รถขบวนสุดท้ายออกเวลา ตี 4.42

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไป

เมืองนี้ควรให้เวลา 2 วันในการเที่ยว ความจริงสามารถเที่ยวภายในวันเดียวได้ แต่จะเป็นการอัดเกินไป.

 

ออกจากสนามบิน แวะซื้อซิมเน็ต Vodafone 10 ยูโร ที่สนามบิน หาไม่ยาก ชอบเน็ตยี่ห้อนี้ใช้ดี
พนักงานให้คำแนะนำโอเคเลยแต่ เราให้แบงค์ 50 ยูโรไป เขาทอนมา 10 ยูโร เขาเลยทวง ไม่รู้ว่าเขางง หรือ จงใจ 5555+ ยังไงก็ตรวจนับเงินทอนทุกครั้งไว้ดีกว่า

 

ออกจากสนามบิน ก็ไปรอที่ป้ายรอแท็กซี่ แต่ดูคิวสิ ถ้ายาวขนาดนี้

IMG_8969

ตรงนี้คือจุดเรียกรถของสนามบิน ปลอดภัย ไม่โดนโกง จากสนามบินเข้าไป center ราคาประมาณ 15-20 ยูโร ก่อนเรียกเราสอบถามราคาจากประชาสัมพันธ์ เขาก็บอกประมาณนี้

 

มาดูสถานที่ท่องเที่ยวกันดีกว่า

 

1.Restauradores Square

ชื่อโปรตุเกส: Placa dos Restauradores

 

IMG_8985

ย่านร้านอาหาร ร้านอาหารแถบนี้เยอะจนเลือกไม่ถูก อาหมวยท่องโลกแวะกินแถวนี้ในตอนเย็น อร่อยใช่ได้เลย

ย่านนี้เราคุ้ยเคยเป็นอย่างดี เพราะที่พักอยู่ตรงนี้นี่เอง

 

IMG_8975

อนุสาวรีย์ตรงกลางนี้สร้างขึ้นเพื่อฉลอง 60 ปี ที่เป็นอิสระจากเสปนเมื่อปี 1640  รูปปั้นทั้ง 2 เป็นตัวแทนของอิสระภาพและชัยชนะ

 

IMG_8985

ชอบกระเบื้องที่นี่

 

 

ฝั่งตรงข้ามจะเต็มไปด้วยตึกอาคาร, โรงแรม, โรงละคร ร้านอาหาร,  และแหล่งช้อปปิ้ง

IMG_9153.JPG

 

มาดูตอนกลางคืนบ้าง  ข้างๆอนุสาวรีย์ เมื่อก่อนเป็นโรงละคร deco Eden  ตอนนี้กลายเป็นโรงแรมไปแล้ว

IMG_9009

 

IMG_9011

 

 

เราลองมาเดินเล่นในย่านนี้ตอนกลางวันซะหน่อย

 

IMG_9032

 

แวะทานอาหารกันก่อน  มาแถวนี้ต้องจัด Seafood  ย่านนี้ดังมาก อยากกินข้าว และปลา เลยจัดมา 2 จาน มื้อนี้ประมาณ 35 ยูโร รสชาติอร่อยใช้ได้เลย

IMG_9023IMG_9025

ด้วยความที่ว่าติดอาหารไทย ชอบกินข้าว ไม่ค่อยชอบกินขนมปัง แต่ให้กินก็กินได้ พอได้กินข้าวในวันที่ใช้แรงมาทั้งวัน มีความสุขมาก ฟิน

สังเกตเห็นว่าจะมีโค้กอยู่ตลอด เพราะอากาศมันร้อนมาก วันหนึ่งกินน้ำไปเยอะมาก ทั้งโค้ก ทั้งน้ำเย็น ซึ่งปกติไม่ดื่มโค้ก แต่มาที่นี่ต้องดื่มจริงๆ

ใครจะเที่ยวโปรตุเกส ได้โปรดอย่ามาหน้าร้อน

 

ดูบรรยากาศร้านกัน

IMG_9024

บรรยากาศดี พนักงานบริการดี เอาใจใส่

พิกัด: Rua das Portas de Santo Antão 92  อยู่แถวๆ Coliseu dos Recreios (Concert hall). 

 

 

จาก Restauradores Square เดินมาเรื่อยจะเจอย่าน Rossio Square (ไม่ไกล เดินมาได้เลย)

 

2.  ย่าน Rossio (Rossio Square)


ชื่อโปรตุเกส: Praça Dom Pedro IV

ย่าน down town แหล่งนัดพบของที่นี่ ลานนัดพบแห่งนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นลานจัดทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานแสดง, สู้กระทิง รวมไปถึงเป็นที่ไว้สำหรับประกาศเรื่องต่างๆจากพระราชวัง

IMG_9042

คำว่า Rossio มีความหมายด้วย หมายถึง พื้นที่สาธารณะที่ผู้คนใช้รวมกัน

 

 

IMG_9043

ตรงกลางจะมีรูปปั้นของกษัตริย์ Pedro ที่ 4 หรือผู้ปกครองคนแรกของอาณาจักรบราซิล Pedro ที่ 4 ปกครองโปรตุเกสเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหนีไปบราซิลตอนที่กองทัพฝรั่งเศลบุกรุกโปรตุเกสเมื่อปี 1807

 

Teatro Nacional D. Maria II

IMG_9044

 

 

กระเบื้องแถวนี้เหมือนกระเบื้องที่มาเก๋าเลย อาจจะเป็นเพราะโปรตุเกสเคยปกครองมาเก๋า ทำให้มันมีความคล้ายคลึงกัน

IMG_9042

 

เดินมาเรื่อยๆ จะมาผ่านร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้ายขายของ เสื้อผ้า

IMG_9015

 

เดินออกจากตรอกจะเจอสถานีรถไฟ Rossio  เราสามารถขึ้นรถไฟจากที่นี่ไป เมือง Sintra ได้

 

 

IMG_9155

 

3. Santa Justa Lift/Elevador de Santa Justa

จาก Rossio Square เราสามารถเดินมาที่ลิฟต์ Santa Justa Lift จุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง

 

ถ้าใครขี้เกียจเดิน สามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานี Baixa – Chiado‎ ได้

IMG_9082

 

Santa Justa Lift/Elevador de Santa Justa

IMG_9090

Credit: Travel in Lisbon.com (รูปที่เราถ่าย หาไม่เจอ เลยต้องไปเอารูปจากเนตมา)

ค่าลิฟต์: 5 ยูโร
ค่าเข้าจุดชมวิว 1.5 ยูโร

แต่ถ้ามีตั๋วรถไฟ+รถบัส 1 day สามารถขึ้นลิฟต์ฟรี

 

Santa Justa Lift ถูกออกแบบโดย Raul Mesnier de Ponsard, สถาปิกชาวฝรั่งเศสที่เกิดที่โปรตุเกส เขาเป็นนักเรียนของ Gustav Eiffel สปานิกผู้ออกแบบหอไอเฟลในฝรั่งเศสนั่นเอง

 

เมื่อขึ้นมาข้างบน เราสามารถถ่ายวิวเมืองย่าน Baixa ได้ทั้งหมด

 

Santa Justa Lift เชื่อมถนนด้านล่าง Baixa และถนนด้านบน Largo de Cormo

IMG_9159

มองมาอีกฝั่ง จะถ่ายเห็น  Rossio Square

 

 

IMG_9158

ย่าน Baixa

 

 

IMG_9174

ย่านช้อปปิ้ง กิน ดื่ม อีก แห่งของที่นี้ ร้านค้าส่วนใหญ่เป็น ร้านค้าขนาดเล็ก ขายของหลากหลาย ราคาค่อนข้างแพง 55+ ร้านอาหารที่นี่จะแพงกว่าย่าน Restauradores Square

ถ้าชอบเที่ยวกลางคืน ย่านนี้ก็เหมาะเหมือนกัน

 

เรามาแวะกินร้านนี้ที่ Baixa  ร้านอาหารBernard ร้านดัง ตั้งแต่ปี 1868

IMG_9084

 

 

อาหารรสชาติเฉยๆๆมาก 555+ เนื้อเสต็กจืดๆ เฟรนฟรายเหี่ยวไปนิด ผักขมก็พอเคี้ยวได้ รวมๆแล้ว ไม่ประทับใจ

IMG_9083

 

ร้านนี้ดังเรื่องขนมและกาแฟ แต่อาหมวยดันไปสั่งอาหาร 5555+ เลยเป็นอย่างที่เห็น

 

เดินถัดจากเขต Baixa มา ก็จะเจอ ย่าน Chiado

 

IMG_9175

เราจะมาชิมร้านขนมเจ้าเด็ดของย่านนี้ อร่อยมาก คอนเฟริม์ คนเยอะตลอดเวลา

IMG_9088IMG_9085

Pastelaria Alcoa

เวลาทำการ 9.00-21.00

พิกัด: Rua Garrett, 37-39 Chiado, Lisbon, Portugal

 

 

4.  Praça do Comércio/Commerce Square

จาก ย่าน Baixa เดินตรงมาเรื่อยๆ ไกลพอควร หรือจะนั่งรถเมล์มาลงที่  Commerce Square

 

 

IMG_9163

เราสามารถขึ้นรถรางสาย 15 จากตรงนี้ไป Belem ได้ เดินถัดไปหน่อยจะเป็นท่าเรือข้ามแม่น้ำ Tagus

 

 

IMG_9124

รูปปั้นของ King Jose I อยู่ตรงกลางจตุรัส

 

 

IMG_9166

Praça do Comércio ถูกสร้างขึ้นในปี 1775 หลังจากที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แผ่นดินไหวครั้งนั้นก่อให้เกิดคลื่นสึนามิทำลายเขต Baixa ทั้งหมด รวมไปถึงพระราชวัง Ribeira ที่เคยตั้งอยู่ที่ Praça do Comércio.

 

 

เดินไปทางท่าเรือบ้าง

ไม่รู้คิดได้ไง มาตั้งหุ่นจระเข้ตรงนี้ เดินไม่ดู ตกใจได้เลย

IMG_9123

 

IMG_9152

แม่น้ำ Tagus

 

ข้างหลัง Praça do Comércio เป็นป้ายรถเมล์สายต่างๆ

IMG_9119

 

 

เราจะเดินเข้ามาสำรวจข้างหลังประตูกัน

 

IMG_9169

 

Watermarked(2017-08-15-1452)

 

 

ข้างในจะเป็นร้านค้าต่างๆ  น่าเดินอีกแล้ว แต่วันนี้จะขอลา ร้อนมากๆๆๆๆๆ ขอไปกลับเข้าที่พักเพื่ออาบน้ำแล้ว ออกเที่ยวต่อ ข้อดีของการมาเที่ยวหน้าร้อนคือ เที่ยวได้คุ้มสุดๆ กว่าฟ้าจะมืดก็  4 ทุ่ม

IMG_8882

 

Continue to part 2

 

ขั้นตอนการยื่นวีซ่าโปรตุเกส

การยื่นวีซ่า

ยื่นเรื่องทำวีซ่าที่สถานทูตโปรตุเกส ซึ่งหลายคนบอกว่ายากและนาน เพราะเขาตรวจเอกสารละเอียด กว่าจะได้อย่างต่ำก็ 2 อาทิตย์ ตอนทำก็แอบเป็นกังวล แต่ก็เตรียมเอกสารไปให้พร้อมที่สุด รอวีซ่าจากสถานทูตนานๆนิด ประมาณ 2 อาทิตย์ แต่เขาให้วีซ่ามาเลย 6 เดือน แบบ multiple

 

เอกสารยื่นทำวีซ่า

1. ใบจองตั๋ว (จ่ายเงินไปเรียบร้อย) ความจริงทางสถานทูตไม่แนะนำให้จองไปก่อน แต่ด้วยความที่เรามั่นใจว่า จะไปจริงๆ เลยจองไปก่อนเลย

– ใบจองตั๋วเรา มี 2 booking. เที่ยวแรก จองจากไทย ไปมาเลเซีย เพราะแวะเที่ยวมาเลเซียก่อน เที่ยวที่ 2 ใบจองจากมาเลเซีย-ลิสบอน และ มาดริด -กรุงเทพ

2. เอกสารการทำงาน
3. ใบจองโรงแรมและแพลนการเดินทาง
4. สำเนาหน้าพาสปอรต์ เราถ่ายสำเนาพาสปอรต์ทุกหน้าที่มีการแสตมป์การเดินทางเข้าออก ทั้งเล่มเก่าและใหม่. (เจ้าหน้าที่บอกเพิ่มเติม ถ่ายแต่หน้าที่มีวีซ่าเช้งเก้นก็ได้)
5. รูปถ่ายสี 3.5 x4.5 พื้นหลังขาว
6. Bank guarantee
7. นำสมุดแบงค์ตัวจริงไปด้วย อย่าลืมถ่ายสำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชี
8. ประกันการเดินทาง วงเงิน 1.5 ล้าน หรือ 30000 ยูโร
9. พาสปอรต์ตัวจริง อายุการใช้งานเกิน 3 เดือน
10. กรอกแบบฟอร์มให้เรียบร้อย โดยขอแบบฟอรม์ได้ที่ อีเมลสถานทูต >>>>  ambassador@embassyofportugal.or.th

 

 

ขั้นตอนการทำวีซ่า

1. ส่งอีเมลไปแจ้งขอทำวีซ่าที่  ambassador@embassyofportugal.or.th ทางสถานทูตจะนัดวันมาทำวีซ่า และแนบแบบฟอร์มมาให้เรากรอกข้อมูล
2. ไปยื่นเอกสาร พิมพ์ลายนิ้วมือ และจ่ายเงินค่าทำวีซ่า จ่ายเงินประมาณ เกือบ 3,000 บาท

3. รอรับวีซ่า ประมาณ 2 อาทิตย์ -3 อาทิตย์ บางคนได้เร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีคนมาทำเยอะแค่ไหน. ระหว่างรอสามารถโทรไปสอบถามได้ที่เบอร์สถานทูต

 

ที่อยู่และเบอร์โทรศัทพ์สถานทูต

ที่อยู่ : 26 ถนนเจริญกรุง 30 ซอยกัปตันบุช กรุงเทพฯ 10500

โทรศัพท์ : 0-2234-7435-6, 0-2234-2123

โทรสาร : 0-2639-6113