7 เหตุผลที่เราต้องไปจอร์เจีย อาร์เมเนีย

 

  1. ผู้คนที่เป็นมิตร

คนจอร์เจียและอาร์เมเนีย เป็นมิตรมาก  ยินดีทีจะช่วยเหลือ  ยิ่งเรารู้ภาษาเขา ยิ่งได้เห็นที่ถึงความน่ารัก และความมีน้ำใจของผุู้คนที่นี่

ในหลายครั้งหลายคราได้รับน้ำใจคนท้องถิ่น น่ารักมากค่ะ

เราได้มีโอกาสรู้จักกับดาราสาวอาร์เมเนีย เป็นเพื่อนในเฟสบุ้คกันมานานมากๆ  แต่พึ่งมารู้ว่าเขาเป็นดาราเพราะแฟนเพจส่งข้อมูลมาให้ดู พบกันโดยบังเอิญ  เขาอาสาพาเราเที่ยวที่อาร์เมเนีย น่ารักมาก

3

คุณป้าและหลานสาวแสนสวย ที่เจอระหว่างทาง แบ่งขนมและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม จนอาหมวยลืมเวลาไปเลยค่ะ

 

 

 
14

 

เราได้มีโอกาสรู้จักกับดาราสาวอาร์เมเนีย เป็นเพื่อนในเฟสบุ้คกันมานานมากๆ  แต่พึ่งมารู้ว่าเขาเป็นดาราเพราะแฟนเพจส่งข้อมูลมาให้ดู พบกันโดยบังเอิญ เราจ่ายเงินเหมารถแท็กซี่คันเดียวกับดาราสาวจากจอร์เจียไปอาร์เมเนีย

 

 

ได้คุยเปิดใจกันเยอะมากๆ

ขอยกบทสนทนามาบางตอน

ดาราสาว: ทำไมเธอถึงมาที่อาร์เมเนีย อาร์เมเนียเป็นประเทศเล็กๆ คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักที่นี่ด้วยซ้ำ อาร์เมเนียอยู่ส่วนไหนของโลกก็ยังไม่รู้เลย

อาหมวยท่องโลก: ฉันหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ข้อมูลน้อยมาก แต่มีหลายคนเขียนว่าประเทศนี้น่าสนใจ ฉันเลยเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง

ดาราสาว: แล้วเธอชอบที่นี่ไหม

อาหมวยท่องโลก: ชอบสิ ฉันตั้งใจไว้ว่าฉันจะเขียนรีวิวเกี่ยวกับประเทศของเธอ คนไทยจะได้รู้จักอาร์เมเนียมากขึ้น

ดาราสาว: ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ

 

15

 

 

เด็กสาว ที่ขอพาอาหมวยเที่ยวในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง  ขอบคุณมากนะะ สำหรับน้ำใจ

 

 

นอกจากนี้เรายังได้รับน้ำใจจากคนท้องถิ่นอื่นๆอีก

อะไร ที่ทำให้คนเหล่านี้ ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงเอเชียคนนี้ ทั้งอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวฟรี พาเราไปส่งที่ท่ารถตู้ เข้ามาคุยเล่น อธิบายเส้นทาง  คำตอบนั้นคือ น้ำใจและมิตรภาพ

 

 

2. ภูมิประเทศที่สวยงามยิ่งนัก

 

ตลอดเส้นทาง เราจะรู้สึกว่า เราอยู่อีกโลกหนึ่งเลย  ธรรมชาติสีเขียวของป่าเขา ตัดสลับกับสีน้ำตาลของภูเขาได้อย่างยอดเยี่ยม

 

3. ศาสนาคริสต์ที่หยั่งรากมายาวนานของประเทศจอร์เจีย และอาร์เมเนีย

จอร์เจียเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมคริสเตียนที่เก่าแก่มาก  รวมไปถึงอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นประเทศแรกของโลกที่รับศาสนาคริสต์   โบสถ์และอารามจอร์เจียและอาร์เมเนีย เราสัมผัสได้ความความงามของความเรียบง่าย  การตกแต่งเพียงเล็กน้อย ซึ่งเรียบง่าย แต่มีมนต์สเนห์ยิ่งนัก

 

4. สถาปัตยกรรมและความสวยงามของโบสถ์อารามวิหารต่างๆ

 

ไม่น่าเชื่อว่า ทั้งสองประเทศ จะผสมผสานธรรมชาติ และ สถาปัตยกรรมได้อย่างลงตัว  รวมไปถึงถ้าใครได้ไปชมวิหารของสองประเทศนี้ คุณจะต้องหลงรักอย่างแน่นอน

7910

 

5. ประเทศภูเขา

ถ้าเราไปจอร์เจีย หรืออาร์เมเนีย ตลอดเส้นทาง จะเต็มไปความภูเขา ที่หลากหลายแตกต่างกัน

 

 

 

ุ6. อาหาร

 

ลองมาชิมแล้วจะชอบ อาหารอร่อยนะ

 

 

 

7.เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมอันเก่าแก่

9

ไปเที่ยวที่นี่ นอกจากจะได้ความสวยงามแล้ว เรายังได้เรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของประเทศ  ซึ่งหลายเมืองมีอายุมากกว่า 30  ปีในกรุงโรง หลากหลายเมือง สร้างขึ้น 800 ปี ก่อนคริสตกาล

19.jpg

 

 

เห็นไหมว่า จอร์เจียและอาร์เมเนีย มีดีกว่าที่คิด  พร้อมแล้วเก็บกระเป๋า ออกเดินทางกัน

 

1.jpg

4 ประเทศแชมป์ฟุตบอลโลกที่น่าเที่ยวที่สุด ของปี 2018

4 ประเทศแชมป์ฟุตบอลโลกที่น่าเที่ยวที่สุด ของปี 2018

 

 

  1. ฝรั่งเศส

 

34469793_2064159530510129_67562842043187200_n

เป็นการกลับมาคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 20 ปี  แชมป์สมัยที่ 2 ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ   นอกจากจะคว้าแชมป์  ประเทศนี้ต้องบอกว่า  เป็นประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดของปี 2018      คุณจะไม่เบื่อเลย ถ้าคุณไปฝรั่งเศส     ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีเสน่ห์มาก ด้วยเพราะ เมืองต่างๆ ที่แตกต่างและตอบโจทย์สไตย์ความชอบของทุกคน  คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศเมืองแสนวุ่นวายแต่ในขณะเดียวกัน ก็สนุกสนานกับการช้อปปิ้งได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น เมืองปารีส   มาร์กเซย และเมืองลียง   โดยเฉพาะเมืองปารีส  หนึ่งในเมืองสุดโรแมนติกของโลก  บางคนไปแล้วก็อยากกลับไปอีก อย่างอาหมวยเป็นต้น   หากคุณเบื่อบรรยากาศเมือง คุณสามารถออกเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศชานเมือง  ชื่นชมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม  ได้ที่  โบโฌเลส์  และเมืองอื่นๆอีกมากมาย  สำหรับคนชอบทะเล ชายหาด   เมืองคาน์ และ นีซ รอคุณอยู่  นับได้ว่า ประเทศฝรั่งเศส เป็นประเทศที่ครบเครื่องเลยทีเดียว   สำหรับแฟนฟุตบอล สามารถเฉลิมฉลองฟุตบอลในปีนี้และปีหน้าได้ที่   ชองส์เซลิเซ่ และ หอไอเฟลสุดโด่งดัง    เพราะไม่แน่ว่า  ฝรั่งเศสจะทุบสถติแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ก็เป็นไปได้ เพราะ ฝีมือของขุนพลตราไก่นั้นยอดเยี่ยมทีเดียว

สามารถดุช่วงไฮไลต์การแข่งขันระหว่าง ฝรั่งเศส-เบลเยียมได้ที่ https://bit.ly/2uWaJBQ         มันส์จริงๆ

 

 

2. โครเอเชีย ทีมฟุตบอลของประเทศนี้ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว ทำกองเชียร์ลุ้นได้ในทุกขณะจิต  ถ้าใครได้ดูการแข่งขังฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ฝรั่งเศส กับโครเอเชีย มันส์มาก มันส์สุด  ลุ้นกันทุกวินาทีเลย    ไม่เชื่อ ก็ลองเข้าไปดูการแข่งขันย้อนหลังได้ที่   www.shotongoal.com

 

โครเอเชีย เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม  ประวัติศาสตร์  ธรรมชาติ      คุณสามารถสัมผัสกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลกทั้งสองแห่งได้อย่างรวดเร็ว คือบรรยากาศเมืองผสมผสานกับบรรยากาศของเมืองชายฝั่งที่ผ่อนคลาย  อาหมวยต้องบอกว่าชายฝั่งโครเอเชียสวยเกินคำบรรยาย  น้ำใสและมีสีฟ้าครามน้ำใสเหมือนคริสตัลอย่างไรอย่างนั้น   อีกทั้งประเทศนี้ยังมีเกาะเล็ก ๆ มากมาย  สถานที่เฉลิมฉลองฟุตบอลปีนี้คงนี้ไม่พ้น  ชายหาด และหมู่เกาะนั้นเอง

 

 

 

 

3. เบลเยียม

 

31510808_2046860145573401_456901076483405630_n

เกมส์แข่งขันระหว่างฝรั่งเศส กับ เบลเยียม  เกมคู่นี้สนุกมาก  ลุ้นกันจริง น่าเสียดายที่ เบลเยียมต้องพ่ายแพ้ไป ต้องยอมรับจริงๆว่า  เกมรับฝรั่งเศสดีมาก และ รุกน่ากลัวโครต  แต่ถึงเบลเยียมจะแพ้ไป  ประเทศนี้ก็ติดหนึ่งในประเทศน่าเที่ยวที่สุดของปี 2018    นอกจากเมืองที่สวยงาม  อาหารยังเลื่องชื่อไปทั่วทุกโลก ไม่ว่าจะเป็น เบลเยียม ช๊อกโกแลต  วาลเฟิล  รวมไปถึง เบียรเบลเยียม รสชาติดี  เหมาะสำหรับการจิบเพลินเพลินในระหว่างดูฟุตบอล  ใครอยากรู้แมทซ์ การแข่งขันต่างๆ  สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.shotongoal.com

 

 

 

4. อังกฤษ

oq1n437dxTo6PPWdhqC-o

หนึ่งในทีมชาติขวัญใจของคนทั่วโลก รวมถึงอาหมวยด้วย    ทีมชาติอังกฤษนั้น ถือว่าถือเป็นหนึ่งในสองทีมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลเลย  ไม่ชนะฟุตบอลโลก แต่ชนะใจคนดู   นอกจากประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่น่าในใจ  ประเทศอังกฤษยังมีอะไรหลายสิ่งให้พวกเราไปค้นหา    ประวัติศาสตร์นั้นยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์โลกมากมาย   อีกทั้งคนอังกฤษเป็นคนเฟรนดลี่  ชอบการปาร์ตี้ มีเทศการต่างๆมากมายให้ร่วมเฉลิมฉลอง  นอกจากนี้ หลายคนคงยังไม่รู้ว่า   ผับอังกฤษเป็นผับที่ดีที่สุดในโลก

คุณจะไม่พบผับที่ใดในโลกเหมือนผับอังกฤษแบบดั้งเดิม เพลิดเพลินกับเครื่องดืม และเข้าร่วมวงสนทนากับเพื่อน  เข้าไปเชียร์บอลก็สนุกมาก เพราะคุณจะได้เพื่อนใหม่มาร่วมเชียร์กับคุณมากมายแน่นอน

 

 

อาหมวยติดตามข่าวสารบอลทั่วโลจาก   www.shotongoal.com            เว็บนี้รู้ลึก รู้จริงเลยทีเดียว  แฟนบอลต้องไม่พลาดนะคะ

7 เมืองน่าเที่ยวในยุโรป 2017 ในงบไม่เกิน 1500 บาท ต่อวัน

7 เมืองน่าเที่ยวในยุโรป 2017 ในงบไม่เกิน 1500 บาท ต่อวัน

 

พูดถึง ยุโรป ใครๆก็อยากไปเที่ยวกัน แต่สำหรับคนงบน้อย จะทำอย่างไรล่ะ วันนี้อาหมวยท่องโลกเลยมานำเสนอลิสต์เมืองน่าเที่ยวในราคาไม่เกิน 1500 บาทต่อวัน

 

 

 

1. Budapest, Hungary

เมืองหลวงของประเทศฮังการี อีกเมืองที่ถึงว่าเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ตัวเมืองนั้นแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งโดยมีแม่น้ำ Danube คั่นกลาง มีสะพาน chain bridge อันโด่งดังตั้งสง่าอยู่ตรงกลาง

IMG_9604

 

ชมวิวแม่น้ำ Danube, นั่งเคเบิลคาร์จาก own town ไป castle hill เยี่ยมชมโบสถ์Matthias อันเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 แวะถ่ายรูปที่ Hero Square จากนั้นไป Fisherman’s Bastion คุณสามารถถ่ายรูปวิวเมือง Budapest ทั้งหมดจากตรงนี้ ตอนเย็น ก็แวะเดินเล่น ชมวิวยามค่ำคืนริมแม่น้ำ Danube และโปรมแกรมอื่นๆอีกสารพัด

 

ส่วนตัวแล้ว ชอบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของที่นี่ และความโรแมนติกเล็ก โดยเฉพาะตอนที่มองลงมาจากสะพาน

IMG_9603

 

อาหารที่นี่จะเป็นสไตย์ยุโรป แต่ราคาไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป อาหารเอเชียที่ฮิตของที่นี่คือ อาหารจีน ให้เยอะ ราคาโอเค

 

IMG_9622

ข้อควรระวัง:
ที่นี่ homeless เยอะ และในรถไฟฟ้าใต้ดิน มิจฉาชีพเยอะ ตอนซื้อตั๋ว ชอบมายุ่ง มาถามว่าให้ช่วยไหม บางทีมาเสนอขายตั๋ว อย่าหลงกล

 

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: โพรินท์ฮังการี (HUF) 1 HUF = 0.14 THB

ค่าเดินทางในเมือง: 100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 450-700 บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 200-300 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 320 บาท

= ต่อวันไม่ถึง 1000 บาท

 

 

 

 

2. Sofia, Bulgaria

 

IMG_9620

 

ประเทศนี้อาหมวยท่องโลกยังไม่เคยไป แต่วางแพลนไว้ว่าจะไปปีหน้า เท่าที่ศึกษามา ค่าครองชีพถูกมาก สถานที่ท่องเที่ยวนั้นอาจไม่ค่อยมีมากเหมือนประเทศอื่น แต่รับรองได้ว่า Sofia จะหนึ่งในเมืองที่คุณจะต้องทึ่งกับค่าครองชีพและวิวธรรมชาติอย่างแน่นอน

IMG_9617IMG_9618

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: Leva(BGN)

ค่าเดินทางในเมือง: 40-50 บาท(ถูกสุดๆ)
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 350-500บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 120 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 230-250 บาท

= ไม่ถึง 1 พันบาทต่อวัน

 

 

 

 

3. Cesky Krumlov, Czech Republic.

 

ถ้ามา Czech Republic คงจะไม่พลาดที่จะไปเมืองนี้ เยี่ยมชมปราสาทเก่าแก่สไตย์โกธิค ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และชมวิวพาโนรามา นับว่าที่นี่คือเมืองยอดนิยมของ Czech Republic

IMG_9606

 

นักท่องเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่มักเป็นชาวเอเชีย แต่ก็ไม่เยอะเกินไปจนวุ่นวาย ถ้ามีโอกาสได้มา Czech Republic อย่าลืมแวะเที่ยวที่นี่ด้วยนะคะ

 

 

IMG_9605IMG_9607

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

 

หน่วยเงินที่ใช้: โคลูนา เชค (CZK)

ค่าเดินทางในเมือง: 80-100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 450-550บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 150-200 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 400 บาท

= เฉลี่ย 1080 บาท

 

 

 

 

4. Zagreb, Croatia

 

IMG_9609

 

ข้อดีของเมืองนี้คือ ไม่ใช่เมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ทำให้ไม่วุ่นวาย เงียบ สงบ แถมราคาค่าอาหาร ค่าที่พัก สบายกระเป๋าแบบนี้ ไม่ไปคงไม่ได้แล้ว

IMG_9610

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: KUNA (HRK)

ค่าเดินทางในเมือง: 110-150 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 450-700บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 160-200บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 325 บาท

= เฉลี่ย 1045 บาท

 

 

 

5. Bratislava, Slovakia

IMG_9613

เมืองหลวงของประเทศ Slovakia สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ก็จะเป็น ย่านเมืองเก่า, Primat’s Palace, Bratislava Castle,St Michael’s Tower

 

IMG_9612

อาหมวยท่องโลกตกหลุมรักตัวเมืองที่นี่ ตลอดเส้นท้างจะผ่านร้านอาหารน่ารักๆ และตามทางก็จะเจอรูปปั้นแปลกๆ เก๋ๆเต็มไปหมด แม้กระทั้งม้านั่ง คุณก็สามารถถ่ายรูปได้ เป็นเมืองเล็กๆๆ ชิวๆ

IMG_9611

ถ้าใครชอบบรรยากาศยามค่ำคืนก็สามารถเอ็นจอยหรือมาปาร์ตี้ที่นี่ได้

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: Euro

ค่าเดินทางในเมือง: 100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 500-800บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 200-300 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 320บาท

= ต่อวัน 1120 บาท

 

 

 

6. Tallin, Estonia

IMG_9601

เมืองน่ารัก ขนมอร่อย ผสมผสานกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เมืองนี้ยิ่งน่าเที่ยวขึ้นไปใหญ่

IMG_9602

อีกทั้ง Tallin ยังเป็นเมืองท่าไปฟินแลนด์อีกด้วย

 

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: ยูโร (EURO)

ค่าเดินทางในเมือง: 80-100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 600 – 1000บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 300-400 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 440 บาท

= เฉลี่ย 1420 บาท

 

 

 

 

 

7. Prague, Czech Republic.

 

 

IMG_9600

เมืองจุดหมายปลายฝันของนักท่องเที่ยว เมืองสุดโรแมนติกของโลก ไม่ว่าจะเป็น ปราสาท อาคารบ้านเรือน รวมไปถึงสะพาน สวยงามสุดๆ อีกทั้งยัวมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีก บวกกับค่าครองชีพที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในยุโรป จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวต่างมาเที่ยวที่นี่กันทั้งนั้น

 

 

IMG_9614

บรรยากาศในช่วง Christmas  ดีอ่ะ

 

IMG_9615

ถ่ายจากสะพาน แค่ตรงนี้ก็รู้สึกฟินแล้วแหละ

 

 

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อวัน

หน่วยเงินที่ใช้: โคลูนา เชค (CZK)

ค่าเดินทางในเมือง: 80-100 บาท
ค่าอาหารต่อ 3 มื้อ: 560 – 800บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ: 400-600 บาท
ค่าที่พักโฮสเทล(นอนรวม): ถูกสุดตกคืนละ 400 บาท

= เฉลี่ย 1500 บาท

 

 

Picture credit: google.com and my picture

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Lisbon – เมืองอะไรมีแต่เนิน

Lisbon – เมืองอะไรมีแต่เนิน

 

ด้วยความที่ว่าเจอโปรตั๋วเครื่องบิน กัวลาลัมเปอร์ -ลิสบอน, มาดริด -กรุงเทพ เลยจัดไปซะหน่อย แถมได้แวะเที่ยวมาเลเซียอีก ซื้อตั๋วไปก่อนที่จะได้วางแผนเที่ยวซะอีก

ลิสบอนเป็นเมืองที่มีเนินขึ้น-ลงตลอดเวลา
ตอนแรกเจ้าหน้าที่ที่โฮสเทลบอกว่า เที่ยวเมืองนี้คุณจะเหมือนเดินขึ้นบันไดอยูตลอดเ
555+ ตอนแรกก็ไม่ได้เชื่อ พอเริ่มออกเดิน คือ มันจะเนินไปไหนว่ะ เมืองอะไรเนี่ยมีแต่เนิน 😉

ดีนะ ได้ออกกำลังกาย จบทริปนี้ อาหมวยท่องโลกน้ำหนักลดไปถึง 3 โลเลยทีเดียว

 

 

การยื่นวีซ่า

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://a-muaytravelblog.com/2017/08/14/ขั้นตอนการยื่นวีซ่าโปร/#more-1148

 

การเดินทางเที่ยวในเมือง

1. เดินสำรวจเมือง +นั่งรถราง, รถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นวิธีที่ดีสุดสำหรับคนที่ชอบลุยๆ เหนื่อยหน่อย แต่ได้ใช้ชีวิตแบบคนที่โน่น ดูว่าเขาทำอะไร กินอะไร เดินทางอย่างไร

 

แนะนำให้ซื้อ

เพิ่มเติม: รถรางสาย 28 เป็นรถรางที่วิ่งผ่าแหล่งท่องเที่ยวในเซ็นเตอร์เกือบทั้งหมด เฉพาะฉะนั้นคนจะเยอะมาก และมิจฉาชีพก็เยอะตาม แนะนำให้นั่งรถเมย์ หรือรถรางสายอื่น เข้า google map ใส่สถานที่ที่จะไป จะขึ้นสายรถเมล์ให้คุณ อาหมวยท่องโลกใช้วิธีนี้ สะดวกมาก ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนและยื่นเมื่อยในรถราง สาย 28 แถมยังเลี่ยงมิจฉาชีพได้อีกด้วย

 

 

รถรางสาย 28 ไม่แปลกใจว่าทำไมคนที่โดนขโมยกัน ถ้าจะเบียดขนาดนี้

IMG_8967

 

 

คำเตือน: ที่ลิสบอน ทางเป็นเนินเขาขึ้นลงตลอดเวลา เดินกันเหนื่อยเลย

 

2. ขับรถ ก็สะดวกมากนะคะ ค่าเช่ารถไม่แพงเลย แต่ในเซ็นเตอร์หาที่จอดรถยาก

 

ช่วงที่ควรไป: ช่วงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนมากๆ. ร้อนเกินไปที่จะเที่ยว

การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง

1. รถแท็กซี่เข้าเมือง ราคาประมาณ (15-20ยูโร) เรียกรถจากจุดเรียกรถของสนามบินนะคะ
2. รถไฟฟ้าใต้ดิน ไปลงที่สถานี Saldalha station แล้วเปลื่ยนสายไปสถาที่ที่พัก ใช้เวลาจากสนามบินไปที่ Saldalha station ประมาณ 25 นาที
3. รถบัสแอร์พอร์ต มีให้รถบัสเลือกเยอะมาก

– Aerobus 1  วันจันทร์ -ศุกร์. 7.00 am -11.20 pm ออกเดินทางทุก 20 นาที, เสาร์-อาทิตย์ 7.00 am – 10.50 pm. ออกทุกๆ 25 นาที

– Aerobus 2   7.00 am- 2pm ออกทุกๆ 40 นาที หลังจากบ่ายโมง รถบัสจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง

– City bus มีหลายสาย เช่น705, 722, 744

– Night bus 208 รถขบวนสุดท้ายออกเวลา ตี 4.42

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไป

เมืองนี้ควรให้เวลา 2 วันในการเที่ยว ความจริงสามารถเที่ยวภายในวันเดียวได้ แต่จะเป็นการอัดเกินไป.

 

ออกจากสนามบิน แวะซื้อซิมเน็ต Vodafone 10 ยูโร ที่สนามบิน หาไม่ยาก ชอบเน็ตยี่ห้อนี้ใช้ดี
พนักงานให้คำแนะนำโอเคเลยแต่ เราให้แบงค์ 50 ยูโรไป เขาทอนมา 10 ยูโร เขาเลยทวง ไม่รู้ว่าเขางง หรือ จงใจ 5555+ ยังไงก็ตรวจนับเงินทอนทุกครั้งไว้ดีกว่า

 

ออกจากสนามบิน ก็ไปรอที่ป้ายรอแท็กซี่ แต่ดูคิวสิ ถ้ายาวขนาดนี้

IMG_8969

ตรงนี้คือจุดเรียกรถของสนามบิน ปลอดภัย ไม่โดนโกง จากสนามบินเข้าไป center ราคาประมาณ 15-20 ยูโร ก่อนเรียกเราสอบถามราคาจากประชาสัมพันธ์ เขาก็บอกประมาณนี้

 

มาดูสถานที่ท่องเที่ยวกันดีกว่า

 

1.Restauradores Square

ชื่อโปรตุเกส: Placa dos Restauradores

 

IMG_8985

ย่านร้านอาหาร ร้านอาหารแถบนี้เยอะจนเลือกไม่ถูก อาหมวยท่องโลกแวะกินแถวนี้ในตอนเย็น อร่อยใช่ได้เลย

ย่านนี้เราคุ้ยเคยเป็นอย่างดี เพราะที่พักอยู่ตรงนี้นี่เอง

 

IMG_8975

อนุสาวรีย์ตรงกลางนี้สร้างขึ้นเพื่อฉลอง 60 ปี ที่เป็นอิสระจากเสปนเมื่อปี 1640  รูปปั้นทั้ง 2 เป็นตัวแทนของอิสระภาพและชัยชนะ

 

IMG_8985

ชอบกระเบื้องที่นี่

 

 

ฝั่งตรงข้ามจะเต็มไปด้วยตึกอาคาร, โรงแรม, โรงละคร ร้านอาหาร,  และแหล่งช้อปปิ้ง

IMG_9153.JPG

 

มาดูตอนกลางคืนบ้าง  ข้างๆอนุสาวรีย์ เมื่อก่อนเป็นโรงละคร deco Eden  ตอนนี้กลายเป็นโรงแรมไปแล้ว

IMG_9009

 

IMG_9011

 

 

เราลองมาเดินเล่นในย่านนี้ตอนกลางวันซะหน่อย

 

IMG_9032

 

แวะทานอาหารกันก่อน  มาแถวนี้ต้องจัด Seafood  ย่านนี้ดังมาก อยากกินข้าว และปลา เลยจัดมา 2 จาน มื้อนี้ประมาณ 35 ยูโร รสชาติอร่อยใช้ได้เลย

IMG_9023IMG_9025

ด้วยความที่ว่าติดอาหารไทย ชอบกินข้าว ไม่ค่อยชอบกินขนมปัง แต่ให้กินก็กินได้ พอได้กินข้าวในวันที่ใช้แรงมาทั้งวัน มีความสุขมาก ฟิน

สังเกตเห็นว่าจะมีโค้กอยู่ตลอด เพราะอากาศมันร้อนมาก วันหนึ่งกินน้ำไปเยอะมาก ทั้งโค้ก ทั้งน้ำเย็น ซึ่งปกติไม่ดื่มโค้ก แต่มาที่นี่ต้องดื่มจริงๆ

ใครจะเที่ยวโปรตุเกส ได้โปรดอย่ามาหน้าร้อน

 

ดูบรรยากาศร้านกัน

IMG_9024

บรรยากาศดี พนักงานบริการดี เอาใจใส่

พิกัด: Rua das Portas de Santo Antão 92  อยู่แถวๆ Coliseu dos Recreios (Concert hall). 

 

 

จาก Restauradores Square เดินมาเรื่อยจะเจอย่าน Rossio Square (ไม่ไกล เดินมาได้เลย)

 

2.  ย่าน Rossio (Rossio Square)


ชื่อโปรตุเกส: Praça Dom Pedro IV

ย่าน down town แหล่งนัดพบของที่นี่ ลานนัดพบแห่งนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นลานจัดทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานแสดง, สู้กระทิง รวมไปถึงเป็นที่ไว้สำหรับประกาศเรื่องต่างๆจากพระราชวัง

IMG_9042

คำว่า Rossio มีความหมายด้วย หมายถึง พื้นที่สาธารณะที่ผู้คนใช้รวมกัน

 

 

IMG_9043

ตรงกลางจะมีรูปปั้นของกษัตริย์ Pedro ที่ 4 หรือผู้ปกครองคนแรกของอาณาจักรบราซิล Pedro ที่ 4 ปกครองโปรตุเกสเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหนีไปบราซิลตอนที่กองทัพฝรั่งเศลบุกรุกโปรตุเกสเมื่อปี 1807

 

Teatro Nacional D. Maria II

IMG_9044

 

 

กระเบื้องแถวนี้เหมือนกระเบื้องที่มาเก๋าเลย อาจจะเป็นเพราะโปรตุเกสเคยปกครองมาเก๋า ทำให้มันมีความคล้ายคลึงกัน

IMG_9042

 

เดินมาเรื่อยๆ จะมาผ่านร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้ายขายของ เสื้อผ้า

IMG_9015

 

เดินออกจากตรอกจะเจอสถานีรถไฟ Rossio  เราสามารถขึ้นรถไฟจากที่นี่ไป เมือง Sintra ได้

 

 

IMG_9155

 

3. Santa Justa Lift/Elevador de Santa Justa

จาก Rossio Square เราสามารถเดินมาที่ลิฟต์ Santa Justa Lift จุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง

 

ถ้าใครขี้เกียจเดิน สามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานี Baixa – Chiado‎ ได้

IMG_9082

 

Santa Justa Lift/Elevador de Santa Justa

IMG_9090

Credit: Travel in Lisbon.com (รูปที่เราถ่าย หาไม่เจอ เลยต้องไปเอารูปจากเนตมา)

ค่าลิฟต์: 5 ยูโร
ค่าเข้าจุดชมวิว 1.5 ยูโร

แต่ถ้ามีตั๋วรถไฟ+รถบัส 1 day สามารถขึ้นลิฟต์ฟรี

 

Santa Justa Lift ถูกออกแบบโดย Raul Mesnier de Ponsard, สถาปิกชาวฝรั่งเศสที่เกิดที่โปรตุเกส เขาเป็นนักเรียนของ Gustav Eiffel สปานิกผู้ออกแบบหอไอเฟลในฝรั่งเศสนั่นเอง

 

เมื่อขึ้นมาข้างบน เราสามารถถ่ายวิวเมืองย่าน Baixa ได้ทั้งหมด

 

Santa Justa Lift เชื่อมถนนด้านล่าง Baixa และถนนด้านบน Largo de Cormo

IMG_9159

มองมาอีกฝั่ง จะถ่ายเห็น  Rossio Square

 

 

IMG_9158

ย่าน Baixa

 

 

IMG_9174

ย่านช้อปปิ้ง กิน ดื่ม อีก แห่งของที่นี้ ร้านค้าส่วนใหญ่เป็น ร้านค้าขนาดเล็ก ขายของหลากหลาย ราคาค่อนข้างแพง 55+ ร้านอาหารที่นี่จะแพงกว่าย่าน Restauradores Square

ถ้าชอบเที่ยวกลางคืน ย่านนี้ก็เหมาะเหมือนกัน

 

เรามาแวะกินร้านนี้ที่ Baixa  ร้านอาหารBernard ร้านดัง ตั้งแต่ปี 1868

IMG_9084

 

 

อาหารรสชาติเฉยๆๆมาก 555+ เนื้อเสต็กจืดๆ เฟรนฟรายเหี่ยวไปนิด ผักขมก็พอเคี้ยวได้ รวมๆแล้ว ไม่ประทับใจ

IMG_9083

 

ร้านนี้ดังเรื่องขนมและกาแฟ แต่อาหมวยดันไปสั่งอาหาร 5555+ เลยเป็นอย่างที่เห็น

 

เดินถัดจากเขต Baixa มา ก็จะเจอ ย่าน Chiado

 

IMG_9175

เราจะมาชิมร้านขนมเจ้าเด็ดของย่านนี้ อร่อยมาก คอนเฟริม์ คนเยอะตลอดเวลา

IMG_9088IMG_9085

Pastelaria Alcoa

เวลาทำการ 9.00-21.00

พิกัด: Rua Garrett, 37-39 Chiado, Lisbon, Portugal

 

 

4.  Praça do Comércio/Commerce Square

จาก ย่าน Baixa เดินตรงมาเรื่อยๆ ไกลพอควร หรือจะนั่งรถเมล์มาลงที่  Commerce Square

 

 

IMG_9163

เราสามารถขึ้นรถรางสาย 15 จากตรงนี้ไป Belem ได้ เดินถัดไปหน่อยจะเป็นท่าเรือข้ามแม่น้ำ Tagus

 

 

IMG_9124

รูปปั้นของ King Jose I อยู่ตรงกลางจตุรัส

 

 

IMG_9166

Praça do Comércio ถูกสร้างขึ้นในปี 1775 หลังจากที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แผ่นดินไหวครั้งนั้นก่อให้เกิดคลื่นสึนามิทำลายเขต Baixa ทั้งหมด รวมไปถึงพระราชวัง Ribeira ที่เคยตั้งอยู่ที่ Praça do Comércio.

 

 

เดินไปทางท่าเรือบ้าง

ไม่รู้คิดได้ไง มาตั้งหุ่นจระเข้ตรงนี้ เดินไม่ดู ตกใจได้เลย

IMG_9123

 

IMG_9152

แม่น้ำ Tagus

 

ข้างหลัง Praça do Comércio เป็นป้ายรถเมล์สายต่างๆ

IMG_9119

 

 

เราจะเดินเข้ามาสำรวจข้างหลังประตูกัน

 

IMG_9169

 

Watermarked(2017-08-15-1452)

 

 

ข้างในจะเป็นร้านค้าต่างๆ  น่าเดินอีกแล้ว แต่วันนี้จะขอลา ร้อนมากๆๆๆๆๆ ขอไปกลับเข้าที่พักเพื่ออาบน้ำแล้ว ออกเที่ยวต่อ ข้อดีของการมาเที่ยวหน้าร้อนคือ เที่ยวได้คุ้มสุดๆ กว่าฟ้าจะมืดก็  4 ทุ่ม

IMG_8882

 

Continue to part 2

 

ขั้นตอนการยื่นวีซ่าโปรตุเกส

การยื่นวีซ่า

ยื่นเรื่องทำวีซ่าที่สถานทูตโปรตุเกส ซึ่งหลายคนบอกว่ายากและนาน เพราะเขาตรวจเอกสารละเอียด กว่าจะได้อย่างต่ำก็ 2 อาทิตย์ ตอนทำก็แอบเป็นกังวล แต่ก็เตรียมเอกสารไปให้พร้อมที่สุด รอวีซ่าจากสถานทูตนานๆนิด ประมาณ 2 อาทิตย์ แต่เขาให้วีซ่ามาเลย 6 เดือน แบบ multiple

 

เอกสารยื่นทำวีซ่า

1. ใบจองตั๋ว (จ่ายเงินไปเรียบร้อย) ความจริงทางสถานทูตไม่แนะนำให้จองไปก่อน แต่ด้วยความที่เรามั่นใจว่า จะไปจริงๆ เลยจองไปก่อนเลย

– ใบจองตั๋วเรา มี 2 booking. เที่ยวแรก จองจากไทย ไปมาเลเซีย เพราะแวะเที่ยวมาเลเซียก่อน เที่ยวที่ 2 ใบจองจากมาเลเซีย-ลิสบอน และ มาดริด -กรุงเทพ

2. เอกสารการทำงาน
3. ใบจองโรงแรมและแพลนการเดินทาง
4. สำเนาหน้าพาสปอรต์ เราถ่ายสำเนาพาสปอรต์ทุกหน้าที่มีการแสตมป์การเดินทางเข้าออก ทั้งเล่มเก่าและใหม่. (เจ้าหน้าที่บอกเพิ่มเติม ถ่ายแต่หน้าที่มีวีซ่าเช้งเก้นก็ได้)
5. รูปถ่ายสี 3.5 x4.5 พื้นหลังขาว
6. Bank guarantee
7. นำสมุดแบงค์ตัวจริงไปด้วย อย่าลืมถ่ายสำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชี
8. ประกันการเดินทาง วงเงิน 1.5 ล้าน หรือ 30000 ยูโร
9. พาสปอรต์ตัวจริง อายุการใช้งานเกิน 3 เดือน
10. กรอกแบบฟอร์มให้เรียบร้อย โดยขอแบบฟอรม์ได้ที่ อีเมลสถานทูต >>>>  ambassador@embassyofportugal.or.th

 

 

ขั้นตอนการทำวีซ่า

1. ส่งอีเมลไปแจ้งขอทำวีซ่าที่  ambassador@embassyofportugal.or.th ทางสถานทูตจะนัดวันมาทำวีซ่า และแนบแบบฟอร์มมาให้เรากรอกข้อมูล
2. ไปยื่นเอกสาร พิมพ์ลายนิ้วมือ และจ่ายเงินค่าทำวีซ่า จ่ายเงินประมาณ เกือบ 3,000 บาท

3. รอรับวีซ่า ประมาณ 2 อาทิตย์ -3 อาทิตย์ บางคนได้เร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีคนมาทำเยอะแค่ไหน. ระหว่างรอสามารถโทรไปสอบถามได้ที่เบอร์สถานทูต

 

ที่อยู่และเบอร์โทรศัทพ์สถานทูต

ที่อยู่ : 26 ถนนเจริญกรุง 30 ซอยกัปตันบุช กรุงเทพฯ 10500

โทรศัพท์ : 0-2234-7435-6, 0-2234-2123

โทรสาร : 0-2639-6113